นโยบายการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน (Sustainable Raw Material Sourcing Policy)
บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)
บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ผลิตและผู้ให้บริการออกแบบชิ้นส่วนยานยนต์จากพลาสติกกครบวงจร ตระหนักถึงบทบาทและความรับผิดชอบในการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืนตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การใช้งาน ไปจนถึงการจัดการผลิตภัณฑ์หลังสิ้นสุดอายุการใช้งาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่เชื่อมโยงกับความสามารถในการแข่งขัน ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียทั้งภายในและภายนอกองค์กร บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและหลีกเลี่ยงการตัดไม้ทำลายป่า พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) โดยบูรณาการนโยบายนี้เข้ากับกลยุทธ์ธุรกิจและห่วงโซ่คุณค่า เพื่อสร้างคุณค่าร่วมกันระหว่างธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
1. การกำกับดูแลและความรับผิดชอบ (Governance & Accountability)
บริษัทฯ กำหนดให้มีการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์วิถีธุรกิจแบบหมุนเวียน (Circular Living Strategy) ผ่านการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว (Green Procurement) โดยมีคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการและพัฒนาความยั่งยืน ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับของคณะกรรมการบริษัท เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดูแลให้การดำเนินงานเป็นไปตามนโยบายนี้อย่างเคร่งครัด โดยมีประธานเจ้าหน้าที่บริหารเป็นผู้อนุมัติและทบทวนนโยบายเป็นประจำทุกปี โดยขอบเขตของนโยบายครอบคลุมวัตถุดิบหลักทั้งหมด รวมถึงวัสดุทดแทน วัสดุรีไซเคิล บรรจุภัณฑ์ สารเคมี และบริการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคู่ค้า ผู้รับเหมาช่วง ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ และลูกค้าในโครงการรับคืนสินค้าจะต้องยึดมั่นและปฏิบัติตามกรอบของนโยบายนี้และจรรยาบรรณคู่ค้า (Supplier Code of Conduct) ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่นและมาตรฐานสากลที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ หลักการแนวทางสากลว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน (United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGP) มาตรฐานการรายงานความยั่งยืน GRI (Global Reporting Initiative Standards) คณะกรรมการมาตรฐานการรายงานความยั่งยืนระหว่างประเทศ (International Sustainability Standards Board: ISSB) และแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน ระยะที่ 2 (National Action Plan on Business and Human Rights: NAP Phase 2)
2. การประเมินความเสี่ยงและผลกระทบในห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain Risk & Impact Assessment)
บริษัทฯ ได้พัฒนากระบวนการประเมินความเสี่ยงและผลกระทบอย่างรอบด้าน โดยเริ่มต้นจากการประเมินและคัดเลือกวัตถุดิบโดยพิจารณาผลกระทบตลอดวัฏจักรชีวิต (Life Cycle Assessment: LCA) และการวิเคราะห์จุดวิกฤต (Hotspot Analysis) มาประยุกต์ใช้ในการระบุจุดที่ควรลดการใช้ทรัพยากร อีกทั้งส่งเสริมการใช้วัสดุชีวภาพ วัสดุรีไซเคิล และวัสดุคาร์บอนต่ำ ตลอดจนการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อการนำกลับมาใช้ซ้ำ ซ่อมแซม และรีไซเคิลในการลดผลกระทบเชิงลบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการประเมินความเสี่ยงคู่ค้าตามกรอบการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (Environmental Social and Governance: ESG) ซึ่งครอบคลุมประเด็นสำคัญ ได้แก่ การจัดการมลพิษ การใช้น้ำ การเคารพสิทธิมนุษยชนและสิทธิแรงงาน ควบคู่ไปกับการประเมินความเสี่ยงเฉพาะด้านที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อให้สามารถระบุและบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. แนวปฏิบัติในการจัดหาวัตถุดิบ (Sustainable Sourcing Practices)
บริษัทฯ กำหนดให้กระบวนการจัดหาและการผลิตต้องคำนึงถึงการลดของเสีย การควบคุมสารเคมีอันตราย การใช้น้ำ และการปล่อยมลพิษต่างๆ พร้อมทั้งจัดให้มีการจัดทำการไหลของวัสดุ (Material Flow) และ การตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) สำหรับวัตถุดิบและของเสียในการส่งเสริมระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการใช้วัสดุรีไซเคิล (Recycled Materials) รวมถึงกำหนดเป้าหมายการใช้เม็ดพลาสติกรีไซเคิลไม่น้อยกว่าร้อยละ 93 ภายในปี 2570 การจัดการของเสียฝังกลบให้เป็นศูนย์ (Zero Waste to Landfill) และสร้างมูลค่าจากของเสีย (Waste to Value) ให้ได้ร้อยละ 100 ภายในปี 2573 เพื่อลดการพึ่งพาทรัพยากรใหม่และลดปริมาณของเสีย นอกจากนี้ บริษัทฯ สนับสนุนคู่ค้าในการตรวจสอบตนเอง (Seft Assessment) ตามมาตรฐาน มตช 9 การตรวจสอบย้อนกลับการรีไซเคิลพลาสติก และการประเมินความสอดคล้องและส่วนผสมรีไซเคิลกับเม็ดพลาสติกรีไซเคิลที่นำเข้าสู่กระบวนการผลิตจะต้องมีสัดส่วนรีไซเคิล (Recycle content) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในแหล่งที่มาและการจัดการที่รับผิดชอบ นอกจากนี้ บริษัทฯ มีนโยบายในการหลีกเลี่ยงการจัดหาวัตถุดิบจากแร่ธาตุที่นำเข้ามาไม่ได้มาจากแหล่งที่มีความขัดแย้งหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและสิทธิแรงงานหรือวัตถุดิบจากพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญ หรือพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการตัดไม้ทำลายป่า เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องระบบนิเวศของโลก
4. การจัดการห่วงโซ่คุณค่าที่ยั่งยืน (Sustainable Value Chain Management)
บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการจัดหาอย่างยั่งยืนผ่านความร่วมมือจากคู่ค้าตลอดห่วงโซ่ทางธุรกิจผ่านการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว (Green Procurement) และการปฏิบัติตามจรรยาบรรณคู่ค้า (Supplier Code of Conduct) ให้สอดคล้องตามแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (Environmental Social and Governance: ESG) รวมถึงการส่งเสริมและสนับสนุนคู่ค้าผ่านการจัดอบรมและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพื่อยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานด้านความยั่งยืนร่วมกัน นอกจากนี้ บริษัทฯ มุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือเชิงรุกกับคู่ค้าในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีรีไซเคิลในการยกระดับห่วงโซ่คุณค่าทางธุรกิจให้มีความยั่งยืน
5. การพัฒนาบุคลากรและสร้างวัฒนธรรม (Capacity Building & Culture Development)
บริษัทฯ มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพบุคลากรผ่านการจัดอบรมเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจและแนวปฏิบัติ เกี่ยวกับมาตรฐานการจัดหาที่ยั่งยืน เครื่องมือการประเมินวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment: LCA) เศรษฐกิจหมุนเวียนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นระบบ ควบคู่ไปกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม เพื่อให้พนักงานทุกคนตระหนักและมีส่วนร่วมในการดำเนินงานตามเป้าหมายความยั่งยืนของบริษัทฯ
6. การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholder Engagement)
บริษัทฯ เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนากระบวนการทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั้งคู่ค้า สถาบันวิจัย องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร รวมถึงชุมชนท้องถิ่นและสังคมในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และร่วมกันพัฒนานแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน อันจะนำไปสู่การยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมโดยรวม ครอบคลุมถึงกลไกรับฟังความคิดเห็นและข้อร้องเรียน (Grievance Mechanism) ที่เข้าถึงง่ายและคุ้มครองผู้ร้องเรียนทั้งภายในและภายนอกองค์กรเพื่อรายงานประเด็นข้อกังวลหรือการละเมิดนโยบาย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการสื่อสารและเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีและวัตถุดิบในชิ้นส่วนยานยนต์อย่างโปร่งใสผ่านการใช้ระบบฐานข้อมูลสารเคมีสากลของอุตสาหกรรมยานยนต์ (International Material Data System)
ซึ่งเป็นระบบที่จัดทำโดยกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลก (Original Equipment Manufacturer: OEM) โดยระบบนี้ใช้สำหรับบันทึกข้อมูลวัตถุดิบ สารเคมี และสารต้องห้ามหรือสารควบคุมตามมารตฐาน กฎระเบียบเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียน ประเมิน การอนุญาต และจำกัดสารเคมี (Registration, Evaluation, Authorization and Restriction of Chemicals: REACH) ข้อกำหนดยานพาหนะสิ้นอายุการใช้งาน (End-of-Life Vehicle Directive: ELV) ข้อจำกัดสารอันตรายในอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Restriction of Hazardous Substances: RoHS) ที่อยู่ในชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อให้มั่นใจว่าห่วงโซ่คุณค่าทางธุรกิจสอดคล้องกับมาตรฐานสากลและข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
7. การสื่อสารและการเปิดเผยข้อมูล (Communication & Disclosure)
บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานด้านการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืนอย่างความโปร่งใสต่อสาธารณะและผู้มีส่วนได้เสียอย่างสม่ำเสมอผ่านรายงานความยั่งยืนและช่องทางการสื่อสารอื่นๆ โดยมีการนำเสนอข้อมูลที่ครอบคลุมข้อมูลด้านการจัดหาวัตถุดิบ เศรษฐกิจหมุนเวียน การจัดการของเสีย การใช้วัตถุดิบรีไซเคิล การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และรายงานต่อคณะกรรมการบริษัททั้งรายเดือนและรายไตรมาส
8. การทบทวนและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Review & Continuous Improvement)
บริษัทฯ กำหนดให้มี การติดตาม ประเมินผล และทบทวนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงดำเนินการทบทวนนโยบายและเป้าหมายอย่างน้อยปีละครั้งหรือเมื่อมีกฎหมาย มาตรฐาน หรือความคาดหวังผู้มีส่วนได้เสียเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งนำผลการประเมินและข้อเสนอแนะมาปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ห่วงโซ่คุณค่าของบริษัทฯ มีความยั่งยืนและพร้อมรับต่อความท้าทายในอนาคต
ขอบเขตการบังคับใช้ (Scope of Application)
นโยบายฉบับนี้มีผลบังคับใช้กับผู้บริหารและพนักงานทุกระดับ คู่ค้า ผู้รับเหมาช่วง ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ และพันธมิตรทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่คุณค่าของบริษัทฯ โดยทุกฝ่ายจะต้องดำเนินงานบนพื้นฐานของความมุ่งมั่นในการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การป้องกันมลพิษ และการจัดการสิ่งแวดล้อมด้วยความรับผิดชอบ โปร่งใส และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ประกาศ ณ วันที่ 18 สิงหาคม 2568
(นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์)
กรรมการและประธานกรรมการบริหาร