นโยบายด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Policy)

นโยบายด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Policy)

บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)

บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ผลิตและให้บริการออกแบบชิ้นส่วนยานยนต์จากพลาสติกครบวงจร  ตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นรากฐานของระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงทางธุรกิจขององค์กรในระยะยาว ทั้งยังเชื่อมโยงโดยตรงกับความยืดหยุ่นของห่วงโซ่คุณค่าทางธุรกิจ การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และความสามารถในการแข่งขันขององค์กรในอนาคต บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงการปกป้อง ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนในครอบคลุมตั้งแต่ การออกแบบผลิตภัณฑ์ การจัดซื้อวัตถุดิบ และการบริหารจัดการพื้นที่ใช้สอย โดยบริษัทฯสนับสนุนให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มมีส่วนร่วมในกระบวนการอนุรักษ์ เพื่อลดผลกระทบเชิงลบต่อระบบนิเวศและสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในระยะยาว นโยบายนี้ตั้งอยู่บนหลักการของการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ(Biodiversity) ตามแนวทางของสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ที่มุ่งคุ้มครองและฟื้นฟูความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตบนโลก ครอบคลุมทั้งพันธุกรรม สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด และระบบนิเวศต่างๆเป็นพื้นฐานสำคัญของบริการจากธรรมชาติ
(Ecosystem Service) ที่เอื้อประโยชน์แก่มนุษย์ไม่ว่าจะเป็น อาหาร น้ำ การดูดซับก๊าซเรือนกระจก และการควบคุมสภาพภูมิอากาศ

นิยาม : คำว่า "คู่ค้า" หมายถึง ผู้ขายสินค้า ผู้รับจ้าง และหรือผู้ให้บริการ กับบริษัทฯ ทั้งที่เป็นนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา

นิยาม : คำว่า "บริษัทฯ" หมายถึง บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)

บริษัทฯ กำหนดนโยบายความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติดังนี้:

1. การส่งเสริมผลกระทบเชิงบวกสุทธิต่อความหลากหลายทางชีวภาพ (Net Positive Impact on Biodiversity)

บริษัทฯ มุ่งมั่นในการส่งเสริมผลกระทบเชิงบวกสุทธิต่อความหลากหลายทางชีวภาพ (Net Positive Impact) โดยมีเป้าหมายพื้นฐานคือการไม่มีการสูญเสียสุทธิ (No Net Loss) ในพื้นที่ดำเนินงานแห่งใหม่หรือโครงการที่มีการขยายการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ โดยการบูรณาการแนวคิดที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติเข้ากับการออกแบบผลิตภัณฑ์ การวางผังโรงงาน และการบริหารจัดการพื้นที่ในการส่งเสริมและฟื้นฟูระบบนิเวศและชนิดพันธุ์ท้องถิ่น รวมทั้งการประเมินความเสี่ยงด้าน
ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Risk Assessment) เพื่อระบุพื้นที่เปราะบาง ได้แก่ พื้นที่ความสำคัญทางระบบนิเวศ (High Conservation Value/ High Carbon Stock) พื้นที่อนุรักษ์ และพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญ และบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูและเพิ่มคุณค่าของระบบนิเวศและรายงานผลการดำเนินงานอย่างโปร่งใสต่อคณะกรรมการบริษัทและผู้มีส่วนได้เสีย

2. การยึดหลักการหลีกเลี่ยง ลด ฟื้นฟู และชดเชย (Mitigation Hierarchy)

บริษัทฯ จะดำเนินงานทุกโครงการใหม่และการใช้ทรัพยากรตามหลักการหลีกเลี่ยง ลด ฟื้นฟู และชดเชย อย่างเคร่งครัด โดยมุ่งหลีกเลี่ยง (Avoid) ผลกระทบต่อพื้นที่เปราะบางและความหลากหลายทางชีวภาพเป็นลำดับแรก หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จะดำเนินการเพื่อลดผลกระทบ (Minimize) ควบคู่กับการฟื้นฟู (Restore) ระบบนิเวศที่ได้รับผลกระทบ และในกรณีที่ยังคงมีผลกระทบเหลืออยู่ บริษัทฯ จะพิจารณามาตรการชดเชย (Offset) ที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล ได้แก่ นโยบายการชดเชยความหลากหลายทางชีวภาพของสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN Biodiversity Offsets Policy) เพื่อให้มั่นใจว่าผลกระทบสุทธิต่อความหลากหลายทางชีวภาพลดลงหรือเป็นศูนย์ 

3. การจัดทำการประเมินความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Risk Assessment)

บริษัทฯประเมินความเสี่ยงเชิงระบบนิเวศในพื้นที่ปฏิบัติงานทุกแห่งอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้ข้อมูลวิทยาศาสตร์และกรอบการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพ TNFD (Taskforce on Nature-related Financial Disclosures) เพื่อระบุพื้นที่เสี่ยงสูง พื้นที่คุ้มครอง และถิ่นอาศัยของชนิดพันธุ์เฉพาะถิ่นหรือใกล้สูญพันธุ์

4. การคุ้มครองพื้นที่และทรัพยากรที่มีความสำคัญทางชีวภาพ (Biologically Significant Areas and Resources)

บริษัทฯ หลีกเลี่ยงและลดผลกระทบจากการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจที่อาจส่งผลต่อพื้นที่ระบบนิเวศที่มีความเปราะบางหรือมีความสำคัญทางชีวภาพสูง ได้แก่ พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ป่าชายเลน แหล่งอาศัยสัตว์น้ำ และพื้นที่ที่ได้รับการระบุว่าเป็น พื้นที่มรดกโลก พื้นที่สำคัญเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ (Key Biodiversity Areas: KBA) หรือ พื้นที่คุ้มครองตามเกณฑ์ของสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN Protected Areas) ในการวางแผนและออกแบบพื้นที่ใช้สอย บริษัทฯ มุ่งเน้นให้เกิดความกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ โดยคำนึงถึงขอบเขตของพื้นที่คุ้มครองและความอ่อนไหวของระบบนิเวศ เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนหรือทำลายถิ่นอาศัยของสิ่งมีชีวิต

5. ดำเนินธุรกิจโดยไม่ก่อให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่าสุทธิ (No Net Deforestation)

บริษัทฯ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจโดยไม่ก่อให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่าสุทธิ (No Net Deforestation) โดยให้ความสำคัญกับการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีความรับผิดชอบ หลีกเลี่ยงการใช้ทรัพยากรที่เกี่ยวข้องกับการบุกรุกพื้นที่ป่าหรือพื้นที่อนุรักษ์ พร้อมทั้งกำหนดแนวทางใช้พื้นที่อย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงความอ่อนไหวของระบบนิเวศและหลีกเลี่ยงการรุกล้ำพื้นที่ป่าธรรมชาติ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสนับสนุนการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เช่น การปลูกป่าทดแทน การฟื้นฟูระบบนิเวศ ตลอดจนพัฒนาระบบติดตามและรายงานผลกระทบจากการใช้ที่ดินอย่างโปร่งใส โดยร่วมมือกับภาครัฐและพันธมิตรเพื่อยกระดับมาตรฐานการอนุรักษ์ให้เป็นรูปธรรมในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่คุณค่า

6. การพัฒนาห่วงโซ่อุปทานที่ใส่ใจธรรมชาติ (Nature-Positive Supply Chains)

บริษัทฯ สนับสนุนซัพพลายเออร์ในการจัดหาวัตถุดิบที่ไม่รุกล้ำพื้นที่อนุรักษ์ มีการตรวจสอบย้อนกลับได้ รวมถึงสอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน และ หลัก 8Rs ประกอบด้วย Reduce (ลดการใช้) Reuse (ใช้ซํ้า) Recycle (รีไซเคิล) Replacement (ทดแทน) Refurbish (ปรับปรุงใหม่) Recover (นำกลับคืนมาใหม่) Remanufacture (ผลิตใหม่) และ Return (ส่งคืน) เช่น การใช้พลาสติกรีไซเคิล การนำเศษวัสดุทางการเกษตรมาแปรรูป

7. การสร้างความร่วมมือกับชุมชนและภาคส่วนต่าง ๆ (Community and Stakeholder Collaboration)

บริษัทฯ ร่วมมือกับหน่วยงานท้องถิ่น ชุมชน และสถาบันวิชาการ ในการดำเนินโครงการอนุรักษ์หรือฟื้นฟู เช่น การปลูกป่าหรือพันธุ์ไม้ท้องถิ่นในพื้นที่สาธารณะตามกฎหมาย หรือ การปรับภูมิทัศน์ให้เป็นมิตรกับสิ่งมีชีวิตพื้นถิ่น และการจัดการความเสี่ยงจากน้ำท่วมร่วมกับชุมชนใกล้เคียง เพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศโดยรอบ

8. ติดตามและเปิดเผยผลการดำเนินงาน (Monitoring and Reporting)

บริษัทฯ ติดตามความก้าวหน้าผ่านตัวชี้วัดที่ชัดเจน ได้แก่ พื้นที่ฟื้นฟู ความหลากหลายของชนิดพันธุ์ สัดส่วนวัสดุหมุนเวียน และรายงานผลการดำเนินงานในรายงานความยั่งยืน และเว็บไซต์ของบริษัทเป็นประจำทุกปี

ขอบเขตการบังคับใช้ (Scope of Application)

นโยบายนี้มีผลบังคับใช้กับผู้บริหารและพนักงานทุกระดับ คู่ค้า ผู้รับเหมาช่วง ลูกค้า และพันธมิตรในห่วงโซ่คุณค่าของบริษัทฯ โดยทุกฝ่ายมีหน้าที่ร่วมกันในการประเมินและบริหารจัดการความเสี่ยง รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินงานต่อ
ความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศ ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานของบริษัทฯ เป็นไปอย่างมีความรับผิดชอบ โปร่งใส และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

 

ประกาศ ณ วันที่ 18 สิงหาคม 2568

 

(นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์)

กรรมการและประธานกรรมการบริหาร

Loading

Fortune Parts Industry Public Company Limited (FPI) uses cookies to provide you with a better browsing experience. Detailed information on the use of cookies on this site นโยบายความเป็นส่วนตัว and how you can manage them, ตั้งค่า is provided in our Privacy and Cookies Policy.

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

You can choose to set cookies by turning on/off each type of cookie according to your needs, except for the necessary cookies.

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • การเก็บข้อมูลการเยี่ยมชมเว็บไซต์

    Google Analytics เป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยให้ผู้ประกอบการ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าที่มีเพื่อนำไปพัฒนาเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

บันทึกการตั้งค่า