Privacy Policy

ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์

Privacy policy

 

Fortune Parts Industry Public Company Limited (FPI) recognizes the importance of privacy protection issues and the company believes that it is important to you. that you will know how the company handles personal information received from you.

Please carefully study the Personal Data Protection Policy and Protection Details for each sector and regularly review changes to the Personal Data Protection Policy, Protection details and other news of the company by following the news on the website and Facebook fan pages regularly.

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ของ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)

บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวและให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือทำธุรกรรมกับบริษัท จึงได้จัดทำนโยบายการคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น เพื่อให้มีหลักเกณฑ์ กลไก มาตรการกำกับดูแล และการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอย่างชัดเจนและเหมาะสม ดังต่อไปนี้

1. ขอบเขตการบังคับใช้

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ มีผลบังคับใช้กับการปฏิบัติงานของพนักงานทุกคน ซึ่งหมายถึงพนักงานประจำ พนักงานสัญญาจ้างงานแบบระบุระยะเวลาสิ้นสุดสัญญา พนักงานชั่วคราว และผู้รับเหมา รวมถึงผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในนามบริษัท

2. คำนิยาม

2.1 “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

2.2 “ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนบุคคลโดยแท้ของบุคคล แต่มีความละเอียดอ่อนและอาจสุ่มเสี่ยงในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

2.3 “การประมวลผล” หมายถึง การดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย การลบ หรือการทำลายข้อมูลส่วนบุคคล

2.4 “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ข้อมูลส่วนบุคคลสามารถระบุตัวตนของบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม

2.5 “ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

2.6 “ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของบริษัท ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคล ซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

2.7 “บริษัท” หมายถึง บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อยตามงบการเงินรวมของบริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)

3. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

3.1 บริษัทจะดำเนินการเก็บรวมรวมข้อมูลส่วนบุคคล โดยมี วัตถุประสงค์ ขอบเขต และใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม โดยในการเก็บรวบรวมนั้นจะทำเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์ของบริษัท เท่านั้น

3.2 บริษัทจะดำเนินการให้เจ้าของข้อมูล รับรู้ ให้ความยินยอมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือตามแบบวิธีการของบริษัท กรณีที่จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของเจ้าของข้อมูล บริษัทจะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลโดยชัดแจ้งก่อนทำการเก็บรวบรวม เว้นแต่การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวจะเข้าข้อยกเว้นตามที่พระราชบัญญํติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายอื่นกำหนดไว้

4. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

4.1 บริษัทจะดำเนินการเก็บรวมรวมหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานของบริษัท หรือเพื่อปรับปรุงคุณภาพในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และ/หรือเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อการดำเนินงานของบริษัท โดยบริษัทจะจัดเก็บและใช้ข้อมูลดังกล่าวตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งเจ้าของข้อมูลหรือตามที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น

4.2 บริษัทจะไม่กระทำการใดๆ แตกต่างจากที่ระบุในวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม เว้นแต่

(1) ได้แจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ให้แก่เจ้าของข้อมูลทราบและได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล
(2) เป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

5.1 บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไปให้บุคคลใดโดยปราศจากความยินยอมและจะเปิดเผยตามวัตถุประสงค์ที่ได้มีการแจ้งไว้

5.2 บริษัทอาจมีความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลให้แก่บริษัทในเครือหรือบุคคลอื่นทั้งในและต่างประเทศเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของบริษัทและการให้บริการแก่เจ้าของข้อมูล โดยในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการให้บุคคลเหล่านั้นเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นความลับและไม่นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากขอบเขตที่บริษัทได้กำหนดไว้

5.3 บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เช่น การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อหน่วยงานราชการ หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงในกรณีที่มีการร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย

6. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

6.1 บริษัทจะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับกฎหมาย นโยบาย ระเบียบ ข้อกำหนด และแนวปฏิบัติด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่พนักงานของบริษัทและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง

6.2 บริษัทสนับสนุนและส่งเสริมให้พนักงานมีความรู้และตระหนักถึงหน้าที่และความรับผิดชอบในการเก็บรวบรวม การจัดเก็บรักษา การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลเพื่อให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามนโยบายและกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างถูกต้องและ มีประสิทธิภาพ

7. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

7.1 สิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ตนไม่ได้ให้ความยินยอม

7.2 สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน

7.3 สิทธิขอให้ดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคล

7.4 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

7.5 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมไว้ ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมไว้แล้ว

7.6 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง

7.7 สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล

8. การกำกับให้เกิดการปฏิบัติตามมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Compliance)

8.1 บริษัทฯจะจัดให้มีกระบวนการติดตามในกรณีที่กฎหมายเปลี่ยนแปลงไป และปรับปรุงมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้ทันสมัยและสอดคล้องกับกฎหมายอยู่เสมอ

8.2 บริษัทฯจะจัดให้มีการทบทวนและปรับปรุงนโยบาย (Policy) มาตรฐานการปฏิบัติงาน (Standards) แนวปฏิบัติ (Guidelines) ขั้นตอนปฏิบัติ (Procedures) และเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำ เพื่อให้ทันสมัยสอดคล้องกับกฎหมายและสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา

9. บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบ

9.1 คณะกรรมการบริษัท มีบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบดังต่อไปนี้

(1) กํากับให้เกิดโครงสร้างการกํากับดูแลข้อมูลส่วนบุคคล และการควบคุมภายในที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการปฏิบัติตามกฎหมาย และนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

(2) กํากับดูแลและสนับสนุนให้บริษัทฯดําเนินการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับกฎหมาย

9.2 คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Committee)

ให้คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงของบริษัทฯ (Risk Management Committee) ทําหน้าที่เป็นคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบดังต่อไปนี้

(1) จัดให้มีโครงสร้างการกํากับดูแลข้อมูลส่วนบุคคลและการควบคุมภายในที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนโยบายการบริหารจัดการเหตุการณ์ผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Incident Management Policy) และแนวทางการตอบสนองต่อเหตุการณ์ผิดปกติ (Incident Response Program) เพื่อให้สามารถระบุและจัดการกับเหตุการณ์ผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างทันท่วงที

(2) ประเมินประสิทธิภาพการปฏิบัติตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ และรายงานผลการประเมินดังกล่าวให้คณะกรรมการบริษัททราบเป็นประจำอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี รวมถึงควบคุมดูแลให้มั่นใจได้ว่าความเสี่ยงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลได้รับการจัดการและมีแนวทางการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม

(3) กำหนดและทบทวนมาตรฐานการปฏิบัติงาน (Standards) และแนวปฏิบัติ (Guidelines) เพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทฯสอดคล้องกับกฎหมาย และนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

(4) แต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ (FPI DPO)

บริษัท ได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบ กำกับและให้คำแนะนำในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการประสานงานและให้ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้สอดคล้องตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยบริษัทได้แต่งตั้งให้เลขานุการบริษัทฯ และผู้จัดการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็น เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

9.3 ผู้บริหาร มีบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบในการติดตามควบคุมให้หน่วยงานที่ดูแลปฏิบัติตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และส่งเสริมการสร้างความตระหนักรู้ให้เกิดขึ้นกับพนักงาน

9.4 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ (FPI DPO) มีบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบตามที่กฎหมายกําหนด ซึ่งรวมถึงหน้าที่ดังต่อไปนี้

(1) รายงานสถานะการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบอย่างสมํ่าเสมอ และจัดทําข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้ทันสมัยและสอดคล้องกับกฎหมายอยู่เสมอ

(2) ให้คําแนะนําพนักงานในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล อันเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมาย และนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ

(3) ตรวจสอบการดําเนินงานของหน่วยงาน ให้เป็นไปตามกฎหมาย และนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

(4) ประสานจัดการเรื่องร้องเรียนหรือการขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับการติดต่อหรือร้องขอจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

(5) ประสานงานและให้ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท บริษัทย่อย และคู่ค้าของบริษัท

(6) แจ้งต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลภายใน 72 ชั่วโมงนับแต่ทราบเหตุเท่าที่จะสามารถทำได้

9.5 พนักงาน มีบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบดังต่อไปนี้

(1) ปฏิบัติให้สอดคล้องกับนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มาตรฐานการปฏิบัติงาน (Standards) แนวปฏิบัติ (Guidelines) ขั้นตอนปฏิบัติ (Procedures) และเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

(2) รายงานเหตุการณ์ผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ ให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

10. การทบทวนและเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจทำการปรับปรุงหรือแก้ไขนโยบายฉบับนี้เป็นครั้งคราวเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดตามกฎหมาย การเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของบริษัท รวมถึงข้อเสนอแนะและความคิดเห็นจากหน่วยงานต่างๆ โดยบริษัทจะประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงให้ทราบอย่างชัดเจน

11. โทษของการไม่ปฏิบัติตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

การไม่ปฏิบัติตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) อาจมีความผิดและถูกลงโทษ ทางวินัย รวมทั้งอาจได้รับโทษตามที่กฎหมายกำหนด

ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller) การติดต่อบริษัท

บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)
11/22 หมู่ 20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12150
เว็บไซต์ : www.fpiautoparts.com
e-mail: info@fpiautoparts.com
โทรศัพท์ : 02-993-4970-7

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)

สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 11/22 หมู่20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา ปทุมธานี
ช่องทางการติดต่อ: e-mail pdpa@fpiautoparts.com
โทรศัพท์ : 02-993-4970-7 ต่อ 108,297

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ฉบับนี้ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ตามมติคณะกรรมการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) วันที่ 13 พฤษภาคม 2565

ลงชื่อ
(นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์)
กรรมการผู้จัดการ

ประกาศการคุ้มครองส่วนบุคคลเกี่ยวกับการใช้กล้องวงจรปิด Privacy Notice on CCTV Use

บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)..(ซึ่งต่อไปในประกาศนี้ เรียกว่า  “บริษัท”) ใช้กล้องวงจรปิด (CCTV) สำหรับการเฝ้าระวังสังเกตการณ์ในพื้นที่ภายในและรอบบริเวณบริษัท(“พื้นที่”) เพื่อการปกป้องชีวิต สุขภาพ และทรัพย์สิน ทั้งนี้ บริษัทฯทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงาน ลูกค้า ลูกจ้าง ผู้รับเหมา ผู้มาติดต่อ หรือ บุคคลใด ๆ (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกรวมกันว่า “ท่าน”) ที่เข้ามายังพื้นที่ โดยผ่านการใช้งานอุปกรณ์กล้องวงจรปิดดังกล่าว

ประกาศความเป็นส่วนตัวในการใช้กล้องวงจรปิด (“ประกาศ”) ฉบับนี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผย ซึ่งข้อมูลที่สามารถทำให้สามารถระบุตัวท่านได้ (“ข้อมูลส่วนบุคคล”) รวมทั้งสิทธิต่าง ๆ ของท่าน ดังนี้

  1. ฐานกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานกฎหมายดังต่อไปนี้
    • ความจำเป็นในการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น
    • ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือบุคคลอื่น โดยประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    • ความจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งควบคุมดูแลเกี่ยวกับความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงาน และทรัพย์สินของบริษัทฯ
    •  
  2. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทฯดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
    1. เพื่อการปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยส่วนตัวของท่าน ซึ่งรวมไปถึงทรัพย์สินของท่าน
    2. เพื่อการปกป้องอาคาร สิ่งอำนวยความสะดวกและทรัพย์สินของบริษัทฯจากความเสียหาย การขัดขวาง การทำลายซึ่งทรัพย์สินหรืออาชญากรรมอื่น
    3. เพื่อสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อการยับยั้ง ป้องกัน สืบค้น และ ดำเนินคดีทางกฎหมาย
    4. เพื่อการให้ความช่วยเหลือในกระบวนการระงับข้อพิพาทซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างที่มีกระบวนการทางวินัยหรือกระบวนการร้องทุกข์
    5. เพื่อการให้ความช่วยเหลือในกระบวนการสอบสวน หรือ กระบวนการเกี่ยวกับการส่งเรื่องร้องเรียน
    6. เพื่อการให้ความช่วยเหลือในกระบวนการริเริ่มหรือป้องกันการฟ้องร้องทางแพ่ง ซึ่งรวมไปถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการดำเนินการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงาน
  3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯเก็บรวบรวม ใช้ ตามวัตถุประสงค์ตามที่ได้แจ้งในข้อ 2. บริษัทฯทำการติดตั้งกล้องวงจรปิด โดยจะจัดวางป้ายเตือนว่ามีการใช้งานกล้องวงจรปิด ณ ทางเข้าและทางออก รวมถึงพื้นที่ที่บริษัทฯเห็นสมควรว่าเป็นจุดที่ต้องมีการเฝ้าระวัง เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อท่านเข้ามายังพื้นที่ ดังต่อไปนี้
    รายการข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
     

    • ภาพนิ่ง
    • ภาพเคลื่อนไหว
    • เสียง
    • ภาพทรัพย์สินของท่าน เช่น พาหนะ กระเป๋า หมวก เครื่องแต่งกาย เป็นต้น

    ทั้งนี้ บริษัทฯจะไม่ทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่ที่อาจล่วงละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของท่านจนเกินสมควร ได้แก่ ห้องพัก ห้องสุขา ห้องอาบน้ำ

  4. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทฯจะเก็บรักษาข้อมูลในกล้องวงจรปิดที่เกี่ยวกับท่านไว้เป็นความลับ และจะไม่ทำการเปิดเผย เว้นแต่ กรณีที่บริษัทฯมีความจำเป็นเพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการเฝ้าระวังสังเกตการณ์ตามที่ได้ระบุในประกาศฉบับนี้ บริษัทฯอาจเปิดเผยข้อมูลในกล้องวงจรปิดแก่ประเภทของบุคคลหรือนิติบุคคล ดังต่อไปนี้
    1. หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อช่วยเหลือ สนับสนุนในการบังคับใช้กฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการสืบสวน สอบสวน หรือการดำเนินคดีความต่าง ๆ
    2. ผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เพื่อความจำเป็นในการสร้างความมั่นใจในเรื่องการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย สุขภาพ รวมทั้งทรัพย์สินของท่านหรือบุคคลอื่น
    3.  
  5. สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ของท่าน พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในความควบคุมของท่านได้มากขึ้น โดยท่านสามารถใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
    1. สิทธิในการเข้าถึง รับสำเนา และขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทฯเก็บรวบรวมอยู่ เว้นแต่กรณีที่บริษัทฯมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่คำขอของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
    2. สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน เพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
    3. สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีหนึ่งกรณีใด ดังต่อไปนี้
      • เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่บริษัทฯทำการตรวจสอบตามคำร้องขอของท่านให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน
      • ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
      • เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์บริษัทฯได้แจ้งไว้ในการเก็บรวบรวม แต่ท่านประสงค์ให้บริษัทฯเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปเพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมายของท่าน
      • เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่บริษัทฯกำลังพิสูจน์ให้ท่านเห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือตรวจสอบความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่ท่านได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    4. สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เว้นแต่กรณีที่บริษัทฯเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น บริษัทฯสามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะตามภารกิจของบริษัทฯ)
  6. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
    บริษัทฯ จะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่เราได้มาจากระบบ CCTV ไว้ในระบบของบริษัทฯตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์การตรวจสอบโดย CCTV หากบริษัทฯไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่ใช้บังคับในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากระบบ CCTV อีกต่อไป เราจะทำการลบข้อมูลเหล่านั้นออกจากระบบและการบันทึกของบริษัทฯ อย่างไรก็ตามบริษัทฯอาจทำการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากระบบ CCTV เป็นระยะเวลานานขึ้น ตัวอย่างเช่น ทำการเก็บไว้จนกว่าจะสิ้นสุดของการดำเนินการตามกฎหมาย หรือมีกฎหมายที่กำหนดระยะเวลาในการเก็บข้อมูลที่ยาวนานกว่า หรือมีข้อมูลระบบ CCTV บางอย่างซึ่งต้องทำการเก็บรักษาไว้สำหรับการดำเนินการต่อเหตุการณ์บางเรื่อง หรือเพื่อตอบสนองต่อข้อเรียกร้องจากบุคคลหนึ่งบุคคลใดในการใช้สิทธิตามกฎหมาย
  7. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล
    บริษัทฯมีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเหมาะสม ทั้งในเชิงเทคนิคและการบริหารจัดการ เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย หรือมีการเข้าถึง ลบ ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและแนวปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (Information Security Policy) ของบริษัทฯ
    นอกจากนี้ บริษัทฯได้กำหนดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้นโดยประกาศให้ทราบกันโดยทั่วทั้งองค์กร พร้อมแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยธำรงไว้ซึ่งความเป็นความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทฯได้จัดให้มีการทบทวนนโยบายดังกล่าวรวมถึงประกาศนี้ในระยะเวลาตามที่เหมาะสม
  8. ความรับผิดชอบของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
    บริษัทฯได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่เฉพาะผู้ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกิจกรรมการประมวลผลนี้เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ โดยบริษัทฯจะดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามประกาศนี้อย่างเคร่งครัด
  9. การเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว
    บริษัทสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับกล้องวงจรปิดได้ตลอดเวลาตามที่เห็นสมควร โดยแจ้งให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทั้งนี้ บริษัทจะแจ้งการเปลี่ยนแปลง  แก้ไข หรือปรับปรุงดังกล่าวเอาไว้ในเว็ปไซต์ของบริษัท ซึ่งท่านสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลาโดยมีวันที่ล่าสุดกำกับอยู่ตอนท้าย อย่างไรก็ดี บริษัทฯขอแนะนำให้ท่านโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบประกาศฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจะเข้ามาในพื้นที่ของบริษัทฯการเข้ามาในพื้นที่ของท่าน ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในประกาศนี้ ทั้งนี้ โปรดระงับการเข้าพื้นที่ หากท่านไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงในประกาศฉบับนี้ หากท่านยังคงเข้ามาในพื้นที่ต่อไปภายหลังจากที่ประกาศนี้มีการแก้ไขและนำขึ้นประกาศในช่องทางข้างต้นแล้ว จะถือว่าท่านได้รับทราบการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว
  10. การติดต่อสอบถาม
    ท่านสามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับประกาศฉบับนี้ได้ที่   

    1. ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller) การติดต่อบริษัท

    บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)
    11/22 หมู่20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา ปทุมธานี
    เว็บไซต์ : fpiautoparts.com
    E-mail : info@fpiautoparts.com

    1. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)

    สถานที่ติดต่อ: 11/22 หมู่20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา ปทุมธานี
    E-mail : pdpa@fpiautoparts.com
    โทรศัพท์ : 02-993-4970-7 ต่อ 108, 297

    ประกาศ ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2565

แบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับผู้ใช้งานเว็บไซต์ของบริษัท

บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”)  (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “FPI.” หรือ “เรา”) ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่าเราจะให้ความคุ้มครองและปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เราจึงได้กำหนดแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านทราบรายละเอียดการดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะเป็นการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) ซึ่งอาจเกิดขึ้นในระหว่างที่ท่านเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา ตลอดจนแจ้งให้ท่านทราบถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และช่องทางการติดต่อเรา

อย่างไรก็ตาม หากท่านเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ เช่น เพื่อการทำธุรกิจกับเรา เพื่อการสมัครงาน เพื่อการสมัครฝึกงาน เพื่อการสมัครเข้าร่วมกิจกรรมหรือการศึกษาดูงาน เป็นต้น โปรดศึกษาแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้ที่นี่

1. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

        เมื่อท่านเข้าใช้งานเว็บไซต์ของ FPI.  เราอาจเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

ข้อ วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
1.1 เพื่อการใช้งานเว็บไซต์ หรือเข้าใช้งานระบบต่าง ๆ ของ FPI. และบริษัทย่อย หรือเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ ทั้งของ FPI.   บริษัทย่อยของ FPI.  หรือ หน่วยงานภายนอก  ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย  (Legitimate Interests)

การปฏิบัติตามสัญญา Contractual Basis)

1.2 เพื่อวัดผลการปฏิบัติงาน และการวิเคราะห์การสำรวจตลาดและกลยุทธ์ทางการตลาด รวมทั้งเพื่อดำเนินการวางแผน การรายงาน และการคาดการณ์ทางธุรกิจ ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interests)
1.3 เพื่อวิเคราะห์ วิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และกิจกรรมต่าง ๆ ของ FPI.  ให้ดียิ่งขึ้นหรือเหมาะสมกับความต้องการของท่าน รวมถึงการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของ FPI.  เพื่อวิเคราะห์การใช้งานของผู้ใช้เว็บไซต์สำหรับการพัฒนาเว็บไซต์และกลยุทธ์การสื่อสารของ FPI. ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interests)
1.4 เพื่อการบริหารความเสี่ยง การกำกับการตรวจสอบ รวมถึงเพื่อการตรวจสอบภายในของสำนักตรวจสอบภายใน และการบริหารจัดการภายในองค์กร ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interests)
1.5 ในกรณีที่ท่านประสงค์ขอเข้าเยี่ยมชมกิจการของ FPI. เราอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการติดต่อประสานงานต่าง ๆ การพิจารณาคัดเลือกและยืนยันการเยี่ยมชม รวมทั้งเตรียมการอำนวยความสะดวกให้เหมาะสมกับกลุ่มบุคคลที่จะมาเข้ามาเยี่ยมชมกิจการของเรา ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interests)
1.6 ในกรณีที่ท่านแจ้งข้อมูลผ่านช่องทางการติดต่อเรา  หรือแจ้งคำขอต่าง ๆ เช่น ขอรับข้อมูลข่าวสารจากศูนย์ข้อมูลข่าวสาร เป็นต้น เราอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการติดต่อสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำขอ หรือข้อร้องเรียน หรือข้อมูลที่ท่านได้แจ้งไว้กับเรา รวมถึงการพิจารณาดำเนินการตามคำขอ การติดต่อส่งข้อมูล การออกใบเสร็จ (กรณีมีค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายในการสำเนาข้อมูลหรือส่งเอกสาร) การตรวจสอบข้อเท็จจริง การจัดเก็บเป็นบันทึกเพื่อติดตามผลการดำเนินการ และเป็นข้อมูลเพื่อการบริหารความเสี่ยง การกำกับการตรวจสอบ รวมถึงเพื่อการตรวจสอบภายในของสำนักตรวจสอบภายใน และการบริหารจัดการภายในองค์กร  ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interests)
1.7 เมื่อท่านดาวน์โหลดเอกสารบางอย่างจากเว็บไซต์ของเรา เช่น รายงานประจำปี รายงานความยั่งยืน รายงานประจำปี ตามแบบ 56-1 One Report เป็นต้น เราอาจขอข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านเพิ่มเติม เพื่อการติดต่อและส่งแบบสำรวจ เพื่อสอบถามความคิดเห็น และนำมาวิเคราะห์เพื่อการพัฒนารายงาน ของ FPI.  ให้ตอบสนองความสนใจของกลุ่มผู้อ่าน การปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation)
ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interests)
1.8 เมื่อท่านเข้าใช้งานเว็บไซต์ของเรา เราจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลบางประการของผู้ใช้งานเว็บไซต์เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย การสืบสวน สอบสวน ตามกระบวนการทางกฎหมายและกฎระเบียบอื่นใด และเพื่อการรายงานหรือเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ องค์กรอิสระ หรือหน่วยงานอื่นใดซึ่งอาศัยอำนาจตามกฎหมาย หรือคำสั่งศาล รวมทั้งเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation)
ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interests)

ข้อมูลส่วนบุคคลที่ FPI. เก็บรวบรวมอันเนื่องมาจากความจำเป็นในการปฏิบัติสัญญา หรือการปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ นั้น หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นดังกล่าว FPI. อาจไม่สามารถให้บริการหรืออำนวยความสะดวกให้กับท่านได้

2. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลที่อาจมีการเก็บรวบรวม

ในการเข้าใช้งานเว็บไซต์ของ FPI. อาจมีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล โดยบางส่วนอาจเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยอัตโนมัติจากการใช้งานเว็บไซต์ เช่น การจัดเก็บ IP Address ประเภทของเบราว์เซอร์ เป็นต้น และบางส่วนอาจเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เราได้มาจากการขอให้ท่านกรอกข้อมูลตามแบบฟอร์มที่เรากำหนด หรือเป็นข้อมูลที่ท่านให้กับเราเพื่อประกอบการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องแต่ละประเภท เช่น การติดต่อสอบถาม การติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติม การติดต่อขอเข้าเยี่ยมชมกิจการ เป็นต้น นอกจากนี้ FPI. อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านผ่านผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเรา หรืออาจมีการเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านจากแหล่งอื่น เช่น แหล่งข้อมูลส่วนบุคคลที่สามารถเข้าถึงได้โดยสาธารณะ ข้อมูลที่สามารถขอคัดถ่ายสำเนาได้จากหน่วยงานราชการ เป็นต้น
ทั้งนี้ FPI. อาจมีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้

2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป

(1) ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตน (Identity Data) เช่น ชื่อ นามสกุล เลขประจำตัวบัตรประชาชน อายุ วันเดือนปีเกิด เป็นต้น
(2) ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงาน เช่น อาชีพ ชื่อบริษัท/องค์กรที่ทำงาน ตำแหน่ง/หน่วยงาน เป็นต้น
(3) ข้อมูลติดต่อ (Contact Data) เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล เป็นต้น
(4) ข้อมูลบัญชีผู้ใช้งาน และรหัสผ่าน เฉพาะกรณีเข้าใช้งานระบบงานต่าง ๆ ของ FPI. และบริษัทย่อยของ FPI.
(5) ข้อมูลที่เราได้รับผ่านการใช้บริการเว็บไซต์ เช่น ข้อมูลอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่อยู่ IP ข้อมูลบันทึก ประเภทของเบราว์เซอร์ และการตั้งค่า ข้อมูลสถานที่ ตัวบ่งชี้ข้อมูลในระบบออนไลน์เพื่อเปิดใช้ ‘คุกกี้’ และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกัน
(6) ข้อมูลอื่น ๆ ที่ท่านให้ไว้กับเรา เช่น ประเทศของผู้ใช้บริการ ข้อมูลตามใบสมัคร แบบฟอร์ม แบบสอบถามต่าง ๆ ข้อมูลความคิดเห็น ความพึงพอใจ หรือข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการติดต่อสอบถามหรือคำขอต่าง ๆ ที่ท่านแจ้งไว้กับเรา เป็นต้น

2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน
ในการใช้งานเว็บไซต์ของ FPI. โดยทั่วไปนั้น FPI. ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน เช่น ศาสนา เชื้อชาติ เป็นต้น ของท่าน หรือบุคคลอื่น เพื่อวัตถุประสงค์ใดโดยเฉพาะ ท่านไม่จำเป็นต้องระบุ หรือกล่าวถึงข้อมูลดังกล่าว อย่างไรก็ตามหากมีกรณีที่ FPI. จำเป็นจะต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์ใด FPI. จะแจ้งให้ท่านทราบและขอความยินยอมจากท่านเป็นกรณีไป
กรณีที่ท่านได้ให้สำเนาบัตรประชาชนซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน เช่น ศาสนา และหมู่โลหิต รวมอยู่ด้วยนั้น โดยทั่วไปแล้ว FPI. ไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลศาสนาและหมู่โลหิตที่ปรากฏอยู่ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ใดโดยเฉพาะ หากท่านได้มอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ FPI. ขอให้ท่านปกปิดข้อมูลดังกล่าว หากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลข้างต้น ถือว่าท่านอนุญาตให้ FPI. ดำเนินการปกปิดข้อมูลเหล่านั้น และถือว่าเอกสารที่มีการปกปิดข้อมูลดังกล่าว มีผลสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ตามกฎหมายทุกประการ ทั้งนี้ หาก FPI. ไม่สามารถปกปิดข้อมูลได้เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคบางประการ FPI. จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น

3. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

FPI. จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในแบบแจ้งฉบับนี้ และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในองค์กรของ FPI.

4. การเปิดเผยข้อมูล

ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในแบบแจ้งฉบับนี้ FPI. อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านให้แก่บุคคลภายนอกดังต่อไปนี้
4.1 บริษัทย่อยของ FPI. เพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ระบุ
4.2 หน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ องค์กรอิสระ หน่วยงานกำกับดูแล หรือหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงเจ้าพนักงานซึ่งใช้อำนาจตามกฎหมาย เช่น ศาล อัยการ ตำรวจ เป็นต้น
4.3 ตัวแทน ผู้รับจ้าง/ผู้รับจ้างช่วง และ/หรือผู้ให้บริการสำหรับการดำเนินงานใด ๆ ให้แก่ FPI. เช่น ผู้ตรวจสอบบัญชี ทนายความ ที่ปรึกษากฎหมาย ผู้พัฒนาระบบเว็บไซต์ ผู้รับจ้างดูแลการประชาสัมพันธ์ในช่องทางต่าง ๆ เป็นต้น

5. การส่งหรือเปิดเผยข้อมูลไปต่างประเทศ

FPI. อาจมีการเก็บข้อมูลบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์ของผู้ให้บริการที่อยู่ต่างประเทศ และอาจมีการประมวลผลข้อมูลโดยใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันสำเร็จรูปของผู้ให้บริการในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ในการส่งหรือโอนข้อมูลดังกล่าวไม่ว่ากรณีใด ๆ FPI. . จะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

6. การเข้าใช้งานเว็บไซต์อื่นผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท

เนื่องจากแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ใช้สำหรับการให้บริการและการใช้งานเว็บไซต์ของ FPI. เท่านั้น หากท่านเข้าชมเว็บไซต์อื่นแม้จะผ่านช่องทางทางเว็บไซต์ของ FPI. . การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลต่าง ๆ จะเป็นไปตามแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์นั้นซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ FPI.

7. คุกกี้และเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกัน

FPI. ใช้คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงานของเว็บไซต์ของ FPI. เพื่อเก็บรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลเมื่อท่านเข้าชมเว็บไซต์ และ FPI. มีความประสงค์จะใช้คุกกี้ทางเลือกเพื่อช่วยให้เราสามารถปรับปรุงเว็บไซต์ของ FPI โดย FPI. จะไม่ใช้คุกกี้ทางเลือกจนกว่าท่านจะอนุญาตให้เราเปิดใช้งานคุกกี้ดังกล่าว นอกจากนี้ เว็บไซต์ของเราอาจมีการใช้งาน Google Analytics เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์และนำข้อมูลมาพัฒนาปรับปรุงเว็บไซต์ของเรา ท่านสามารถศึกษารายละเอียดของการใช้คุกกี้ได้จากนโยบายการใช้คุกกี้ของ FPI.

8. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูล

ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิตามที่กำหนดไว้โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ ท่านสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ของท่านได้ตามช่องทางที่ FPI กำหนดในข้อ 10. หรือผ่านเว็บไซต์ของ FPI. โดยจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ เมื่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับกับ FPI. ซึ่งสิทธิต่าง ๆ ของท่านมีรายละเอียด ดังนี้

8.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdraw Consent)
ในกรณีที่ FPI. ขอความยินยอมจากท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับ FPI. ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน
ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย

8.2 สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Access)
ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ FPI. รวมถึงขอให้ FPI. เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อ FPI. ได้

8.3 สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล (Data Portability Right)
ท่านมีสิทธิขอให้ FPI. โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับ FPI. ได้ตามที่กฎหมายกำหนด

8.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Object)
ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสำหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด

8.5 สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล (Erasure Right)
ท่านมีสิทธิขอให้ FPI. ลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม FPI. อาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งอาจมีบางระบบที่ไม่สามารถลบข้อมูลได้ ในกรณีเช่นนั้น FPI. จะจัดให้มีการทำลายหรือทำให้ข้อมูลดังกล่าวกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้

8.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing)
ท่านมีสิทธิขอให้ FPI. ระงับการใช้ข้อมูลของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนด

8.7 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Rectification Right)
กรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลที่ FPI. . มีอยู่นั้นไม่ถูกต้องหรือท่านมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเอง ท่านมีสิทธิขอให้ FPI. แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

8.8 สิทธิในการร้องเรียน (Right to Lodge a Complaint)
ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หาก FPI. ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้

9. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งฉบับนี้

เราอาจแก้ไขปรับปรุงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นครั้งคราว และเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้น เราจะประกาศให้ท่านทราบในเว็บไซต์ของ FPI. ทั้งนี้ หากมีกรณีที่จำเป็นต้องขอความยินยอมจากท่านเราจะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านเพิ่มเติมด้วย

10. วิธีการติดต่อ

ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน การใช้สิทธิของท่าน หรือมีข้อร้องเรียนใด ๆ ท่านสามารถติดต่อ FPI. ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)
11/22 หมู่ 20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12150
เว็บไซต์ : www.fpiautoparts.com e-mail: info@fpiautoparts.com
โทรศัพท์ : 02-993-4970-7

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)
สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 11/22 หมู่20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา ปทุมธานี
ช่องทางการติดต่อ: e-mail pdpa@fpiautoparts.com
โทรศัพท์ : 02-993-4970-7 ต่อ 108,297

หนังสือแจ้งการดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้มีการจัดเก็บไว้ก่อนที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ใช้บังคับ

บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “FPI.” หรือ “เรา”) ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว และมุ่งมั่นที่จะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหรือข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่เกี่ยวกับธุรกิจของท่าน (ต่อไปในหนังสือฉบับนี้จะรวมเรียกว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล”) ตามกฎหมายไทย และเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติในพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (ต่อไปในหนังสือฉบับนี้จะเรียกว่า“พ.ร.บ.ฯ”) ซึ่งมีผลบังคับใช้ใน วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2565 นี้ FPI.จึงได้จัดทำหนังสือแจ้งเกี่ยวกับการดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ไว้กับทาง FPI ก่อนวันที่พ.ร.บ.ฯ จะมีผลบังคับใช้

ตามที่ FPI ได้เก็บ รวมรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้ให้ไว้กับ FPI ไม่ว่าด้วยวิธีการใด ๆ ก็ตาม อันเนื่องมาจากความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับ FPI ในฐานะพนักงาน ลูกจ้าง ลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ถือหุ้นหรือคณะกรรมการของบริษัท หรือฐานะอื่น ก่อนวันที่ พ.ร.บ.ฯ จะมีผลใช้บังคับ FPI ขอแจ้งให้ท่านทราบว่า FPI จะเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวของท่านต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิมที่ทาง FPI ได้ทำการจัดเก็บและใช้อยู่ก่อนแล้วเท่านั้น โดย FPI จะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บุคคลอื่น เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากท่านเป็นลายลักษณ์อักษร หรือกฎหมายอนุญาตให้กระทำเช่นนั้น หาก FPI จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวของท่านนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์เดิมที่ได้มีการจัดเก็บก่อนวันที่ พ.ร.บ.ฯ มีผลใช้บังคับ FPI จะแจ้งให้ท่านทราบและจะดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามหลักการและวิธีการที่พ.ร.บ.ฯ กำหนด โดยท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามประกาศความเป็นส่วนตัว

ทั้งนี้ หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้ FPI เก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไป ท่านมีสิทธิที่จะ เพิกถอนความยินยอมที่ท่านให้ไว้กับบริษัทก่อนที่พ.ร.บ.ฯ จะมีผลบังคับใช้ โดยติดต่อ FPI ผ่านทางช่องทางดังต่อไปนี้

บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)
11/22 หมู่ 20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12150
เว็บไซต์ : www.fpiautoparts.com    e-mail:  info@fpiautoparts.com
โทรศัพท์ : 02-993-4970-7

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)
สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 11/22 หมู่20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา ปทุมธานี
ช่องทางการติดต่อ: e-mail  pdpa@fpiautoparts.com โทรศัพท์ : 02-993-4970-7 ต่อ 108,297

แบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับการแจ้งเรื่องร้องเรียน แจ้งเบาะแสการทุจริต และการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนหรือการดำเนินคดีกับบุคคลภายนอก

บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “FPI.” หรือ “เรา”) ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน เพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล FPI. จึงได้กำหนดแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านทราบรายละเอียดการดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะเป็นการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) ซึ่งอาจเกิดขึ้น

• เมื่อท่านได้แจ้งเรื่องร้องเรียนต่าง ๆ รวมถึงแจ้งเบาะแสการทุจริตแก่เรา
• เมื่อท่านได้รับการติดต่อจาก FPI. เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องร้องเรียนซึ่งบุคคลอื่นได้แจ้งไว้
• เมื่อท่านกระทำการอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ FPI. ไม่ว่าจะเป็นการกระทำต่อทรัพย์สิน หรือชื่อเสียง

ตลอดจนเพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และช่องทางการติดต่อเรา โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

เมื่อมีการแจ้งเรื่องร้องเรียน หรือแจ้งเบาะแสการทุจริตมายัง FPI. เราอาจมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอาศัยฐานทางกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

ข้อที่ วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
1.1 เพื่อการติดต่อสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อร้องเรียนที่ท่าน หรือบุคคลอื่นได้แจ้งไว้กับเรา  ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.2 เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการจัดการเรื่องร้องเรียนต่าง ๆ   ทั้งการดำเนินการตามกระบวนการภายในของ FPI. เช่น การพิจารณาดำเนินการ การตรวจสอบข้อเท็จจริง การแสวงหาข้อเท็จจริง การสืบสวนหาข้อเท็จจริง หรือการสอบสวนทางวินัย การจัดเก็บเป็นบันทึกผลการดำเนินการ การเก็บและใช้ข้อมูลเพื่อการบริหารความเสี่ยง การกำกับการตรวจสอบ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการให้บริการ รวมถึงเพื่อการตรวจสอบภายในของสำนักตรวจสอบภายใน และการดำเนินการตามกระบวนการภายในอื่น ๆ ของ FPI. รวมถึงการดำเนินการเพื่อการจัดการเรื่องร้องเรียนตามที่หน่วยงานภายนอก เช่น หน่วยงานกำกับดูแลแจ้งมา ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.3 เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย และการดำเนินคดีต่าง ๆ รวมถึงเป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี (หากมี) กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการดำเนินการเพื่อบังคับคดีตามกฎหมาย ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

การปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation)

1.4 เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการรายงานหรือเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานราชการหรือองค์กรใด ๆ ตามกฎหมาย หรือตามคำสั่งศาล  การปฏิบัติตามกฎหมาย

(Legal Obligation)

ในกรณีที่ท่านเป็นบุคคลภายนอก ซึ่งมิใช่พนักงาน คู่ค้า หรือบุคคลซึ่งมีธุรกรรมเกี่ยวข้องกับ FPI. และได้กระทำการใด ๆ อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ FPI. FPI. อาจเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยอาศัยฐานทางกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

ข้อที่ วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
1.5 เพื่อการติดต่อสอบถาม การนัดหมาย หรือการติดต่อใด ๆ รวมถึงการแจ้งให้ท่านยุติการกระทำการอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ FPI. หรือยุติข้อพิพาท  ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.6 เพื่อการดำเนินการตามกระบวนการภายในของ FPI. เช่น การพิจารณาดำเนินการ การตรวจสอบข้อเท็จจริง การแสวงหาข้อเท็จจริง การสืบสวนหาข้อเท็จจริง หรือการสอบสวนทางวินัย การจัดเก็บเป็นบันทึกผลการดำเนินการ การเก็บและใช้ข้อมูลเพื่อการบริหารความเสี่ยง การกำกับการตรวจสอบ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการให้บริการ รวมถึงเพื่อการตรวจสอบภายในของสำนักตรวจสอบภายใน และการดำเนินการตามกระบวนการภายในอื่น ๆ ของ FPI. ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.7 เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย และการดำเนินคดีต่าง ๆ รวมถึงใช้เป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี (หากมี) กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการดำเนินการเพื่อบังคับคดีตามกฎหมาย ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

การปฏิบัติตามกฎหมาย

(Legal Obligation)

1.8 เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการรายงานหรือเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานราชการหรือองค์กรใด ๆ ตามกฎหมาย หรือตามคำสั่งศาล  การปฏิบัติตามกฎหมาย

(Legal Obligation)

2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม
ในกรณีที่ท่านเป็นผู้แจ้งเรื่องร้องเรียน หรือเบาะแสการทุจริต โดยทั่วไปแล้ว FPI. จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ผ่านแบบฟอร์ม หนังสือ หรือเอกสารต่าง ๆ ที่ท่านได้ให้ข้อมูลไว้กับเราหรือด้วยวิธีการอื่น ๆ ซึ่งเป็นการขอข้อมูลจากท่านโดยตรง แต่อย่างไรก็ตาม อาจมีบางกรณีที่เราอาจเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านจากแหล่งอื่นด้วย เช่น ข้อมูลที่เปิดเผยสาธารณะในเว็บไซต์ (เช่น เว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือเว็บไซต์ของ ป.ป.ช. เป็นต้น) หรือข้อมูลที่สามารถขอคัดถ่ายสำเนาได้จากหน่วยงานราชการ หรือในกรณีที่ท่านส่งเรื่องร้องเรียนไปยังหน่วยงานกำกับดูแล FPI. หรือหน่วยงานอื่น FPI. อาจได้ข้อมูลของท่านต่อมาจากหน่วยงานเหล่านั้น หรือ FPI. อาจได้รับข้อมูลของท่านมาจากการที่ท่านถูกอ้างถึงในข้อร้องเรียนของบุคคลอื่น เป็นต้น
ในกรณีที่ท่านเป็นบุคคลภายนอก ซึ่งมิใช่พนักงาน คู่ค้า หรือบุคคลซึ่งมีธุรกรรมเกี่ยวข้องกับ FPI.และได้กระทำการใด ๆ อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ FPI. FPI. อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยการขอข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากท่านโดยตรง หรืออาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งอื่น เช่น การสอบถามจากผู้เห็นเหตุการณ์ การเก็บรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ที่เปิดเผยสาธารณะ หรือข้อมูลที่สามารถขอคัดถ่ายสำเนาได้จากหน่วยงานราชการ เป็นต้น
ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลที่เราเก็บรวบรวมมีดังต่อไปนี้

2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป

(1) ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตน (Identity Data) เช่น ชื่อ นามสกุล เป็นต้น
(2) ข้อมูลติดต่อ (Contact Data) เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล Facebook LINE ID หรือ Social media account อื่น ๆ เป็นต้น
(3) ข้อมูลอื่น ๆ เช่น อาชีพ สถานที่ทำงาน ตำแหน่ง รายละเอียดข้อร้องเรียน รายละเอียดการกระทำอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ FPI. เป็นต้น
(4) ข้อมูลสถานะทางการเงิน ข้อมูลสถานะการเป็นบุคคลล้มละลาย ข้อมูลทรัพย์สินของบุคคล (เช่น การเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินก่อนเข้ารับตำแหน่ง) และข้อมูลการถือหุ้น (เฉพาะกรณีที่ข้อร้องเรียนของท่านเกี่ยวข้องกับข้อมูลดังกล่าว หรือ FPI.จำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวประกอบการดำเนินคดีตามกฎหมาย)

2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน

ในการแจ้งเรื่องร้องเรียน หรือเบาะแสการทุจริตต่าง ๆ นั้น โดยทั่วไป FPI. ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน เช่น ศาสนา เชื้อชาติ เป็นต้น ของท่านหรือบุคคลอื่น เพื่อวัตถุประสงค์ใดโดยเฉพาะ ท่านไม่จำเป็นต้องระบุ หรือกล่าวถึงข้อมูลดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ข้อร้องเรียนบางประเภทซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการใช้สิทธิเรียกร้องต่อ FPI. เช่น เรียกร้องให้ FPI. ชดใช้ค่าเสียหาย ค่าสินไหนทดแทนต่าง ๆ เป็นต้น ท่านอาจจำเป็นจะต้องให้ข้อมูลที่มีความข้อมูลละเอียดอ่อน เช่น ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลความพิการ เป็นต้น ประกอบมาด้วย ในกรณีเช่นนี้ FPI. อาจเก็บข้อมูลของท่านเพื่อประกอบการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ หากเราจะใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ นอกจากนี้เราจะขอความยินยอมจากท่านก่อน (หากจำเป็น)
ในกรณีที่ท่านเป็นบุคคลภายนอก ซึ่งมิใช่พนักงาน คู่ค้า หรือบุคคลซึ่งมีธุรกรรมเกี่ยวข้องกับ FPI. และได้กระทำการใด ๆ อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ FPI. FPI. อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน เท่าที่จำเป็นเพื่อประกอบการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ หากเราจะใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ นอกจากนี้เราจะขอความยินยอมจากท่านก่อน (หากจำเป็น)
โดยทั่วไปแล้ว FPI. ไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลศาสนาและหมู่โลหิตที่ปรากฏอยู่ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ใดโดยเฉพาะ หากท่านได้มอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ FPI. ขอให้ท่านปกปิดข้อมูลดังกล่าว หากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลข้างต้น ถือว่าท่านอนุญาตให้ FPI. ดำเนินการปกปิดข้อมูลเหล่านั้น และถือว่าเอกสารที่มีการปกปิดข้อมูลดังกล่าว มีผลสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ตามกฎหมายทุกประการ ทั้งนี้ หาก FPI. ไม่สามารถปกปิดข้อมูลได้เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคบางประการ FPI. จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น

3. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

FPI. จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในแบบแจ้งฉบับนี้ หลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ได้แก่ ระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในองค์กรของ FPI.

4. การเปิดเผยข้อมูล

ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งฉบับนี้ FPI. อาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลของท่านให้แก่บุคคลภายนอก ดังต่อไปนี้

4.1 หน่วยงานของรัฐ องค์กรอิสระที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย หรือหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยอันเนื่องมาจากมีกฎหมายกำหนดหน้าที่ให้ FPI. จะต้องเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว หรือหน่วยงานดังกล่าวร้องขอโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นต้น และรวมถึงการเปิดเผยข้อมูลแก่เจ้าพนักงานของรัฐซึ่งใช้อำนาจตามกฎหมาย เช่น ตำรวจ เป็นต้น

4.2 หน่วยงานของรัฐ องค์กรอิสระที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย หรือหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวน ไต่สวน หรือดำเนินคดีตามกฎหมาย เช่น ตำรวจ เจ้าพนักงานอัยการ ศาล เป็นต้น

4.3 ตัวแทน ผู้รับจ้าง/ผู้รับจ้างช่วง และ/หรือผู้ให้บริการสำหรับการดำเนินงานใด ๆ ตามที่ FPI.มอบหมาย เช่น ที่ปรึกษากฎหมาย บริษัทประกันภัย เป็นต้น

4.4 บริษัทย่อย FPI.ในกรณีที่ข้อร้องเรียนที่แจ้งมานั้นมีความเกี่ยวข้องกับบริษัทย่อย อย่างไรก็ตาม หากท่านเป็นผู้ร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแสการทุจริต หรือเป็นพยานตามเรื่องร้องเรียนดังกล่าว FPI. ขอแจ้งให้ท่านทราบว่า เราจะรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นความลับตามนโยบายและข้อกำหนดภายในของเรา และจะไม่เปิดเผยข้อมูลให้กับบุคคลที่ไม่เกี่ยวกับการบริหารจัดการเรื่องดังกล่าว ในกรณีที่เราจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เราจะปฏิบัติตามนโยบายและข้อกำหนดภายในของเรา รวมถึงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

5. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูล

ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิตามที่กำหนดไว้โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ ท่านสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ของท่านได้ตามช่องทางที่ FPI.กำหนดในข้อ 7. หรือผ่านเว็บไซต์ของFPI. โดยจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ เมื่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับกับ FPI. ซึ่งสิทธิต่าง ๆ ของท่านมีรายละเอียด ดังนี้

5.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdraw Consent) ในกรณีที่ FPI. ขอความยินยอมจากท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอม ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับ FPI. ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย

5.2 สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Access) ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ FPI. รวมถึงขอให้ FPI. เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อ FPI.ได้

5.3 สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล (Data Portability Right) ท่านมีสิทธิขอให้ FPI.โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับ FPI. ได้ตามที่กฎหมายกำหนด

5.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Object) ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสำหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด

5.5 สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล (Erasure Right) ท่านมีสิทธิขอให้ FPI. ลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม FPI. อาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งอาจมีบางระบบที่ไม่สามารถลบข้อมูลได้ ในกรณีเช่นนั้น FPI. จะจัดให้มีการทำลายหรือทำให้ข้อมูลดังกล่าวกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้

5.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing) ท่านมีสิทธิขอให้ FPI. ระงับการใช้ข้อมูลของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนด

5.7 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Rectification Right) กรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลที่ FPI. มีอยู่นั้นไม่ถูกต้องหรือท่านมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเอง ท่านมีสิทธิขอให้ FPI. แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

5.8 สิทธิในการร้องเรียน (Right to Lodge a Complaint) ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หาก FPI.ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้

6. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งฉบับนี้

เราอาจแก้ไขปรับปรุงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นครั้งคราว และเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้น เราจะประกาศให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์ของ FPI. ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องขอความยินยอมจากท่านเราจะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านเพิ่มเติมด้วย

7. วิธีการติดต่อ

ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน การใช้สิทธิของท่าน หรือมีข้อร้องเรียนใด ๆ ท่านสามารถติดต่อ FPI. ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)

11/22 หมู่ 20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12150
เว็บไซต์ : www.fpiautoparts.com e-mail: info@fpiautoparts.com
โทรศัพท์ : 02-993-4970-7

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)

สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 11/22 หมู่20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา ปทุมธานี
ช่องทางการติดต่อ: e-mail pdpa@fpiautoparts.com
โทรศัพท์ : 02-993-4970-7 ต่อ 108,297

รายละเอียดการคุ้มครองสำหรับแต่ละภาคส่วน

แบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับกรรมการ ผู้บริหารระดับสูงสุด และบุคคลที่อาจเป็นกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงสุด ของ FPI.

 บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”)  (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “FPI.” หรือ “เรา”) ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ ผู้บริหารระดับสูงสุด และบุคคลที่อาจเป็นกรรมการ หรือผู้บริหารระดับสูงสุด ของ FPI. และเพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่าเราจะให้ความคุ้มครองและปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เราจึงได้กำหนดแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านทราบรายละเอียดการดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะเป็นการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) ซึ่งอาจเกิดขึ้น ตลอดจนแจ้งให้ท่านทราบถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และช่องทางการติดต่อเรา ดังต่อไปนี้  

1. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

ในกรณีที่ท่านเป็นกรรมการ ผู้บริหารระดับสูงสุด และบุคคลที่อาจเป็นกรรมการ หรือผู้บริหารระดับสูงสุด ของ FPI. เรามีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

ข้อที่ วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
1.1 เพื่อดำเนินการที่จำเป็นในการพิจารณาและคัดเลือกกรรมการบริษัท หรือผู้บริหารระดับสูงสุด ซึ่งหมายความรวมถึงขั้นตอนการประเมินคัดเลือก และแต่งตั้ง รวมถึงกระบวนการบริหารงานภายในอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาคัดเลือกและแต่งตั้งให้เป็นกรรมการ หรือผู้บริหารระดับสูงสุด  การปฏิบัติตามสัญญา

(Contractual Basis) 

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests) 

การปฏิบัติตามกฎหมาย

(Legal Obligation)

1.2 เพื่อการดำเนินการต่าง ๆ ระหว่างท่านกับ FPI. รวมถึงการดำเนินการต่าง ๆ ในกรณีที่ท่านเป็นผู้แทนหรือกระทำการในนามของของ FPI.

  • การจ่ายค่าตอบแทนให้แก่กรรมการบริษัท หรือผู้บริหารระดับสูงสุด รวมถึงการดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็นที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายค่าตอบแทน 
  • การจัดทำและเก็บข้อมูลส่วนบุคคลรวมถึงข้อมูลประวัติกรรมการบริษัท หรือผู้บริหารระดับสูงสุด เพื่อเป็นฐานข้อมูลของ FPI.
  • การส่งเอกสาร ระเบียบวาระการประชุม 
  • การเสนอชื่อไปเป็นกรรมการของ FPI.และบริษัทย่อย
  • การเสนอแต่งตั้งกรรมการให้กับหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง และ/หรือ ให้ดำรงตำแหน่งในหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น
  • การเปิดเผยข้อมูลผ่านเว็บไซต์ ของ FPI. และ/หรือการส่งให้หน่วยงานภายนอกเพื่อประกอบการสมัครเรียนหลักสูตรต่าง ๆ การรับรางวัล หรือกิจกรรมอื่นใดซึ่งท่านเข้าร่วมในฐานะกรรมการบริษัท หรือผู้บริหารระดับสูงสุด ของ FPI.
  • การเปิดเผยข้อมูล เช่น ประวัติ ชื่อ-นามสกุล ข้อมูลการถือหลักทรัพย์ อายุ การศึกษา ประวัติการทำงาน และการดำรงตำแหน่งกรรมการ เป็นต้น ผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโฆษณา สื่ออิเล็กทรอนิกส์และเว็บไซต์ เป็นต้น ให้กับบุคคลภายนอกได้รับทราบ
  • การเก็บ ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการบริษัท ผู้บริหารระดับสูงสุด ของ FPI. เพื่อการดำเนินกิจการและบริหารจัดการธุรกิจของ FPI. รวมถึงเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการทำธุรกรรมของ FPI.
  • การเปิดเผยข้อมูลและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคล ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมกับธนาคารทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • การเปิดเผยและรายงานข้อมูลของกรรมการ ผู้บริหารระดับสูงให้กับหน่วยงานกำกับที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ
  • การตรวจสอบข้อมูลการมีส่วนได้เสียของกรรมการ ผู้บริหารระดับสูงสุดและบุคคลที่เกี่ยวข้องของกรรมการและผู้บริหารระดับสูงสุด รายการขัดแย้งทางผลประโยชน์ของ FPI. เพื่อเก็บรวบรวมเป็นข้อมูล และรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น การถือครองหลักทรัพย์ การรายงาน strategic shareholder ให้กับหน่วยงานกำกับได้รับทราบ
  • การเปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามเกณฑ์การประเมินต่าง ๆ ที่ FPI. เข้าร่วม
การปฏิบัติตามสัญญา

(Contractual Basis) 

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests) 

การปฏิบัติตามกฎหมาย

(Legal Obligation)

1.3 เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงกระบวนการแต่งตั้ง จดทะเบียนเปลี่ยนแปลง หรือการดำเนินการใด ๆ ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การปฏิบัติตามกฎหมาย

(Legal Obligation)

1.4 เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการปฏิบัติตามหมายศาล หนังสือ หรือคำสั่งของหน่วยงาน องค์กรอิสระ หรือเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียก หมายอายัด คำสั่งของศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ หน่วยงานราชการ  รวมถึงการรายงานหรือเปิดเผยข้อมูลต่อผู้ถือหุ้น หน่วยงานราชการ หรือองค์กรอิสระ เช่น กรมสรรพากร กรมที่ดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การปฏิบัติตามกฎหมาย

(Legal Obligation)

1.5 เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การมอบอำนาจและการรับมอบอำนาจ การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การดำเนินคดีต่าง ๆ ตลอดจนการดำเนินการเพื่อบังคับคดีตามกฎหมาย ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย\

(Legitimate Interests)

การปฏิบัติตามกฎหมาย

(Legal Obligation)

1.6 เพื่อการเก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล ตำแหน่ง หน่วยงาน และภาพถ่าย-ภาพเคลื่อนไหว ในกรณีที่ท่านเข้าร่วมการประชุม กิจกรรมหรือดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ FPI. เพื่อการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น อีเมลภายใน FPI. และบริษัทย่อย เว็บไซต์ของ FPI. หรือสื่อออนไลน์อื่น ๆ ของ FPI. หรือสื่ออื่น ๆ เช่น โทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ เป็นต้น   ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.7 เพื่อดำเนินการวางแผน การรายงาน และการคาดการณ์ทางธุรกิจ การบริหารความเสี่ยง การกำกับการตรวจสอบ รวมถึงการตรวจสอบภายในของสำนักตรวจสอบภายใน และการบริหารจัดการภายในองค์กร รวมถึงเพื่อใช้ประโยชน์ในการดำเนินงานภายใน FPI. ที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงินของหน่วยงานบัญชีการเงิน FPI.    ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.8 เพื่อการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารหรือสถานที่ของ FPI. และการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย รวมถึงการติดต่อขอออกบัตรเพื่อเข้าปฏิบัติงานในสถานที่ของ FPI การแลกบัตรเข้าออกอาคาร การขอสติกเกอร์ติดรถยนต์ การบันทึกข้อมูลการเข้าออกสถานที่ของ FPI. และการบันทึกภาพภายในโรงงาน อาคาร หรือสำนักงาน FPI..ด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV) ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.9 เพื่อการบริหารจัดการด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของท่าน    การป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพบุคคล 

(Vital Interests)

ในบางกรณีเราอาจมีการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลในครอบครัว หรือบุคคลอื่น ซึ่งกรรมการ ผู้บริหารระดับสูงสุด และบุคคลที่อาจเป็นกรรมการ หรือผู้บริหารระดับสูงสุด ของ FPI.ได้ให้ข้อมูลไว้ ทั้งนี้ FPI. เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลของบุคคลเหล่านั้น โดยอาศัยฐานทางกฎหมายต่าง ๆ เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

ข้อที่ วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
1.10 เพื่อการติดต่อสื่อสารในกรณีจำเป็น หรือเกิดเหตุฉุกเฉิน ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.11 เพื่อการตรวจสอบข้อมูลการมีส่วนได้เสียของกรรมการ ผู้บริหารระดับสูงสุดและบุคคลที่เกี่ยวข้องของกรรมการและผู้บริหารระดับสูงสุด รายการขัดแย้งทางผลประโยชน์ของ FPI  เพื่อเก็บรวบรวมเป็นข้อมูล และรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น การถือครองหลักทรัพย์ การรายงาน strategic shareholder ให้กับหน่วยงานกำกับได้รับทราบ ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests) 

การปฏิบัติตามกฎหมาย

(Legal Obligation)

       FPI.ขอแจ้งให้ท่านทราบว่า การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ ผู้บริหารระดับสูงสุด และบุคคลที่อาจเป็นกรรมการ ผู้หรือบริหารระดับสูงสุด ของ FPI. เราอาศัยฐานทางกฎหมายประการต่าง ๆ ตามที่แจ้งไว้นี้ โดยไม่ได้อาศัยความยินยอม แต่อย่างไรก็ตาม อาจมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในบางกรณีที่เราไม่อาจใช้ฐานทางกฎหมายเหล่านี้ได้ เช่น กรณีที่กฎหมายกำหนดให้จะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน (Sensitive data) เป็นต้น ในกรณีเช่นนั้น FPI. จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน (โปรดอ่านเอกสารขอความยินยอมของเราเพิ่มเติมจากเอกสารนี้) และในกรณีที่ท่านเป็นกรรมการ ผู้บริหารระดับสูงสุด และบุคคลที่อาจเป็นกรรมการ หรือผู้บริหารระดับสูงสุด ของ FPI. ได้ให้ข้อมูลอื่น ๆ ของบุคคลในครอบครัวหรือบุคคลอื่นแก่เรานั้น ท่านจะต้องรับผิดชอบในการแจ้งให้บุคคลเหล่านั้นทราบถึงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ และ/หรือดำเนินการขอความยินยอม (หากจำเป็น)   

        ข้อมูลส่วนบุคคลที่ FPI. เก็บรวบรวมข้างต้นเป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อ FPI.ในการปฏิบัติตามสัญญาหรือการปฏิบัติตามคำขอของท่านก่อนการทำสัญญา หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นดังกล่าว FPI. อาจไม่สามารถดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาคัดเลือกท่านได้

2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม

        โดยทั่วไปแล้ว ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน FPI. จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยการขอหรือสอบถามข้อมูลเหล่านั้นจากท่านเองโดยตรง อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี FPI. อาจมีการเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านจากแหล่งอื่น เช่น  หน่วยงานต้นสังกัดของท่าน เลขานุการหรือผู้ประสานงานแทนของท่าน หน่วยงานราชการหรือหน่วยงานของรัฐ หรือแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ซึ่งเปิดเผยสาธารณะ เช่น เว็บไซต์ ข้อมูลที่ค้นหาได้ทางอินเตอร์เน็ต เป็นต้น 

        ทั้งนี้ FPI. ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้  

2.1    ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป 

(1)    ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตน (Identity Data) เช่น ชื่อ นามสกุล เลขประจำตัวบัตรประชาชน เลขหนังสือเดินทาง วัน เดือน ปีเกิด เพศ อายุ สัญชาติ สถานภาพการสมรส ลายมือชื่อ ภาพถ่าย

(2)    ข้อมูลติดต่อ (Contact Data) เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล 

(3)    ข้อมูลทางการเงิน (Financial Data) เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร เงินเดือน

(4)    ข้อมูลประวัติการทำงานและการศึกษา

(5)    ข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ เช่น ประวัติการทำงานและการศึกษารวมถึงหลักฐานที่เกี่ยวข้อง สถานภาพการเกณฑ์ทหาร ข้อมูลบุคคลอ้างอิง และสมาชิกในครอบครัว

(6)    ข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ เช่น ข้อมูลบุคคลอ้างอิง และสมาชิกในครอบครัว 

(7)    ข้อมูลการบันทึกภาพหรือเสียงระหว่างการปฏิบัติงาน เช่น การบันทึกภาพโดยกล้องวงจรปิด

(8)    ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัทฯ เช่น การบันทึกภาพนิ่ง หรือวิดีโอ

(9)    ข้อมูลการถือครองหลักทรัพย์ของกรรมการ ผู้บริหารระดับสูงสุด และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการและผู้บริหารระดับสูงสุด ทั้งใน    ส่วนของ FPI. และ/หรือ บริษัทย่อยของ FPI.

2.2    ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน

FPI.  ไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลศาสนาและหมู่โลหิตที่ปรากฏอยู่ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ใดโดยเฉพาะ ในกรณีที่ท่านได้มอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ FPI.  ขอให้ท่านปกปิดข้อมูลดังกล่าว หากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลข้างต้น ถือว่าท่านอนุญาตให้ FPI.  ดำเนินการปกปิดข้อมูลเหล่านั้น และถือว่าเอกสารที่มีการปกปิดข้อมูลดังกล่าว มีผลสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ตามกฎหมายทุกประการ ทั้งนี้ หาก FPI.  ไม่สามารถปกปิดข้อมูลได้เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคบางประการ FPI.  จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น 

อย่างไรก็ตาม หาก FPI.  มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน เพื่อวัตถุประสงค์ใดที่ ปตท. ไม่สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายในการประมวลผลได้ FPI.  จะดำเนินการขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านก่อน ทั้งนี้ FPI.  อาจมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน ดังนี้

(1)    ข้อมูลศาสนา

(2)    ประวัติอาชญากรรม

(3)    ข้อมูลสุขภาพ เช่น ข้อมูลการแพ้อาหาร ข้อมูลการแพ้ยา หมู่โลหิต

3. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล  

        FPI. จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในหนังสือแจ้งฉบับนี้ และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในองค์กรของ FPI.

4. การเปิดเผยข้อมูล

        ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งฉบับนี้ FPI.  อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านให้แก่บุคคลภายนอกดังต่อไปนี้

        4.1    บริษัทย่อย FPI. เพื่อวัตถุประสงค์ในช่วยการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ระบุ

        4.2    หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล หรือหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงเจ้าพนักงานซึ่งใช้อำนาจตามกฎหมาย   เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย(IOD)  ศาล ตำรวจ

        4.3    ตัวแทน ผู้รับจ้าง/ผู้รับจ้างช่วง และ/หรือผู้ให้บริการสำหรับการดำเนินงานใด ๆ ให้แก่ FPI.  เช่น ผู้ตรวจสอบบัญชี ทนายความ ที่ปรึกษากฎหมาย

        4.4    ธนาคารที่ FPI.  มีการทำธุรกรรมทางการเงิน การลงทุน ทั้งธนาคารในประเทศ และต่างประเทศ

        4.5    บุคคลภายนอกอื่น ๆ เช่น การเปิดเผยข้อมูลผ่านเว็บไซต์ การประชาสัมพันธ์ภาพกิจกรรม หรือข่าวสารการทำกิจกรรมหรือโครงการของ FPI.   ไปยังสื่อมวลชนและบุคคลภายนอก เป็นต้น  

5. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูล

        ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิตามที่กำหนดไว้โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ ท่านสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ของท่านได้ตามช่องทางที่ FPI.  กำหนดในข้อ 7. หรือผ่านเว็บไซต์ของFPI.  โดยจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ เมื่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับกับ FPI.  ซึ่งสิทธิต่าง ๆ ของท่านมีรายละเอียด ดังนี้

5.1    สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdraw Consent)

ในกรณีที่ FPI.  ขอความยินยอมจากท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับ FPI.  ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน 

ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย 

5.2    สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Access)

ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ FPI.  รวมถึงขอให้ FPI.  เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อ FPI.  ได้

5.3    สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล (Data Portability Right)

ท่านมีสิทธิขอให้ FPI. โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับ FPI.  ได้ตามที่กฎหมายกำหนด

5.4    สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Object)

ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสำหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด 

5.5    สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล (Erasure Right)

ท่านมีสิทธิขอให้ FPI. ลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม FPI.  อาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งไม่สามารถลบข้อมูลได้ ในกรณีเช่นนั้น FPI.  จะจัดให้มีการทำลายหรือทำให้ข้อมูลดังกล่าวกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้

5.6    สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing)

ท่านมีสิทธิขอให้ FPI.  ระงับการใช้ข้อมูลของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนด

5.7    สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Rectification Right)

กรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลที่ FPI.  มีอยู่นั้นไม่ถูกต้องหรือท่านมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเอง ท่านมีสิทธิขอให้ FPI.  แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

5.8    สิทธิในการร้องเรียน (Right to Lodge a Complaint)

ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หาก FPI.  ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้

6. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งฉบับนี้

        เราอาจแก้ไขปรับปรุงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นครั้งคราว และเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้น เราจะประกาศให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์ของ FPI.  และ/หรือแจ้งให้ท่านทราบผ่านทางอีเมล ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องขอความยินยอมจากท่านเราจะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านเพิ่มเติมด้วย  

7. วิธีการติดต่อ

        ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน การใช้สิทธิของท่าน หรือมีข้อร้องเรียนใด ๆ ท่านสามารถติดต่อ FPI.  ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้  

บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)

11/22 หมู่ 20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12150

เว็บไซต์ : www.fpiautoparts.com           e-mail: info@fpiautoparts.com

โทรศัพท์ : 02-993-4970-7 

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)

สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 11/22 หมู่20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา ปทุมธานี

ช่องทางการติดต่อ: e-mail    pdpa@fpiautoparts.com 

โทรศัพท์ : 02-993-4970-7  ต่อ 108,297

แบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นกู้ และตัวแทนของบุคคลดังกล่าว

        บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”)  (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “FPI.” หรือ “เรา”) ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในฐานะผู้ถือหุ้น หรือผู้ถือหุ้นกู้ของเรา รวมทั้งในกรณีที่ท่านเป็นผู้รับมอบฉันทะ ผู้รับมอบอำนาจจากบุคคลดังกล่าว (ซึ่งเรียกว่า “ตัวแทน”) ด้วย และเพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่าเราจะให้ความคุ้มครองและปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เราจึงได้กำหนดแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านทราบรายละเอียดการดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะเป็นการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) ซึ่งอาจเกิดขึ้น ตลอดจนแจ้งให้ท่านทราบถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และช่องทางการติดต่อเรา ดังต่อไปนี้ 

1. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

        FPI. อาจเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยอาศัยฐานทางกฎหมายเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ 

ข้อที่ วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
1.1 เพื่อการบริหารจัดการทะเบียนผู้ถือหุ้น และผู้ถือหุ้นกู้ การมอบฉันทะ และอื่น ๆ ทั้งสำหรับผู้ถือหุ้น และผู้ถือหุ้นกู้ ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด หรือกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง การปฏิบัติตามกฎหมาย

(Legal Obligation)

1.2 เพื่อการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น หรือการจ่ายคืนเงินต้นและ/หรือดอกเบี้ยแก่ผู้ถือหุ้นกู้ การปฏิบัติตามกฎหมาย

(Legal Obligation)

การปฏิบัติตามสัญญา

(Contractual Basis)

1.3 เพื่อการดำเนินการสมัครเข้าใช้งานเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน ซึ่ง FPI และการใช้งานเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน ตามเงื่อนไขการใช้บริการตามที่กำหนด การปฏิบัติตามสัญญา

(Contractual Basis)

1.4 เพื่อการจัดประชุม การเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น / ผู้ถือหุ้นกู้และการบริหารจัดการในการจัดประชุมดังกล่าว เช่น การลงทะเบียนเข้าร่วมประชุม การบันทึกการลงมติ เป็นต้น ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.5 เพื่อการบันทึกภาพ เสียง และ/หรือวิดีโอระหว่างการประชุม เพื่อประโยชน์ในการเผยแพร่การประชุมผ่านเว็บไซต์ของ FPI. และช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ ของ FPI.. หรือเพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้รับชมในภายหลัง หรือเพื่อการประชาสัมพันธ์เพื่อประโยชน์ของ FPI. หรือเพื่อประโยชน์ของผู้เข้าร่วมประชุม ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.6 เพื่อบันทึกการประชุมและจัดทำรายงานการประชุมส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ปรึกษากฎหมายของ FPI. ผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นกู้ รวมถึงการเผยแพร่รายละเอียดในเว็บไซต์ของ FPI. และช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ ของ ปตท. ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.7 เพื่อการแจ้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกิจกรรมนักลงทุนสัมพันธ์ที่จัดให้แก่ผู้ถือหุ้น และผู้ถือหุ้นกู้ ตามที่ FPI. เห็นสมควร และใช้เป็นข้อมูลสำหรับกระบวนการคัดเลือกผู้มีสิทธิเข้าร่วมกิจกรรม ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.8 เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อการจัดเตรียมกิจกรรม จัดเตรียมการจัดงาน และการอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ถือหุ้น และผู้ถือหุ้นกู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมที่ FPI. จัดขึ้น ตามที่ FPI. เห็นสมควร เช่น การจัดเตรียมสถานที่ การจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม หรือการจัดเตรียมยานพาหนะ ของที่ระลึก เป็นต้น ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.9 เพื่อใช้ในการดำเนินการจัดทำประกันภัยหรือประกันการเดินทาง (ถ้ามี) กรณีที่ท่านเข้าร่วมกิจกรรมที่ FPI. จัดขึ้น ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.10 เพื่อเป็นฐานข้อมูล และเพื่อดำเนินการต่าง ๆ เกี่ยวกับการให้สิทธิประโยชน์ใด ๆ ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ถือหุ้น เช่น สิทธิในการจองซื้อหุ้นบริษัทย่อย ที่เสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก เป็นต้น ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.11 เพื่อเป็นฐานข้อมูลผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholder) ของ FPI. และ/หรือใช้ข้อมูลเพื่อการบริหารความสัมพันธ์ หรือการติดต่อประสานงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ปตท.  ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.12 เพื่อการบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายในองค์กร  การกำกับการตรวจสอบ รวมถึงการตรวจสอบภายในของสำนักตรวจสอบภายใน การกำกับดูแลกิจการที่ดี และการบริหารจัดการภายในองค์กร ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.13 เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การดำเนินคดีต่าง ๆ ตลอดจนการดำเนินการเพื่อบังคับคดีตามกฎหมาย  ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests

1.14 เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย คำสั่งของหน่วยงาน องค์กรอิสระ หรือเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียก คำสั่งของศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ หน่วยงานราชการ และการรายงานหรือเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานราชการ หรือองค์กรอิสระ การปฏิบัติตามกฎหมาย

(Legal Obligation)

        ข้อมูลส่วนบุคคลที่ FPI. เก็บรวบรวมเพื่อการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น การจ่ายเงินต้นและหรือดอกเบี้ยแก่ผู้ถือหุ้นกู้ การบริหารจัดการทะเบียนผู้ถือหุ้น และผู้ถือหุ้นกู้ การมอบฉันทะ เป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อ FPI. ในการปฏิบัติตามสัญญา หรือข้อกำหนดว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้ และปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ ที่ใช้บังคับ รวมถึงเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด และกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็น FPI. อาจไม่สามารถบริหารหรือจัดการสัญญาผู้ถือหุ้น ระหว่างท่านกับ FPI. รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่ท่านในฐานะผู้ถือหุ้น หรือผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับ (ถ้ามี) ได้    

2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม

        โดยทั่วไปแล้ว FPI. จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยการขอข้อมูลจากท่านโดยตรง เช่น การให้ท่านกรอกข้อมูลตามแบบฟอร์มที่ FPI. กำหนด หรือสอบถามจากท่าน หรือขอให้ท่านส่งเอกสารที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ FPI.แต่อย่างไรก็ตาม อาจมีบางกรณีที่ FPI. เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากแหล่งอื่นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้น เช่น นายทะเบียนหลักทรัพย์

        ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ FPI. ดำเนินการเก็บรวบรวมนั้น มีดังต่อไปนี้ 

2.1    ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป 

(1) ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตน (Identity Data) เช่น ชื่อ นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน หมายเลขหนังสือเดินทาง วัน เดือน ปีเกิด เพศ อายุ สัญชาติ ลายมือชื่อ ข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนชื่อ-สกุล ภาพถ่าย

(2) ข้อมูลติดต่อ (Contact Data) เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล 

(3) ข้อมูลทางการเงิน (Financial Data) เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร (ที่ใช้ในการรับผลประโยชน์กรณีจ่ายเงินปันผล เงินต้น และ/หรือดอกเบี้ย) จำนวนหุ้น/หุ้นกู้ (หน่วย)

(4) ข้อมูลการติดต่อกับ FPI. (Communication Data) เช่น ข้อมูลการบันทึกภาพหรือเสียงเมื่อมีการติดต่อกับ FPI.

(5) ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของ FPI. เช่น การบันทึกภาพนิ่ง หรือวิดีโอ

(6) ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้ (Username) Line ID

(7) ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ เช่น อาชีพ

2.2    ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน

โดยทั่วไปแล้ว FPI. ไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลศาสนาและหมู่โลหิตที่ปรากฏอยู่ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ใดโดยเฉพาะ หากท่านได้มอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ FPI. ขอให้ท่านปกปิดข้อมูลดังกล่าว หากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลข้างต้น ถือว่าท่านอนุญาตให้ FPI. ดำเนินการปกปิดข้อมูลเหล่านั้น และถือว่าเอกสารที่มีการปกปิดข้อมูลดังกล่าว มีผลสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ตามกฎหมายทุกประการ ทั้งนี้ หาก FPI. ไม่สามารถปกปิดข้อมูลได้เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคบางประการ FPI. จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ถือหุ้น และผู้ถือหุ้นกู้ FPI. อาจมีบางกิจกรรมที่ FPI. จะขอข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนบางประการเพิ่มเติม เช่น เมื่อท่านเข้าร่วมกิจกรรมสำหรับผู้ถือหุ้น อาจมีการขอทราบข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อการอำนวยความสะดวกในการจัดกิจกรรมดังกล่าว หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด ตามที่เราจะได้แจ้งไว้โดยเฉพาะในแบบฟอร์มการขอความยินยอม และ FPI. จะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านโดยชัดแจ้งก่อนเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนดังกล่าว 

3. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล  

        FPI. จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในแบบแจ้งฉบับนี้ หลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ได้แก่ ระยะเวลาที่ FPI. ยังมีความสัมพันธ์กับท่าน หรือระยะเวลาที่ FPI. ยังมีการให้สิทธิประโยชน์แก่ท่าน และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในองค์กรของ FPI.

4. การเปิดเผยข้อมูล

ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งฉบับนี้ FPI.อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านให้แก่บุคคลภายนอกดังต่อไปนี้

4.1 บริษัทย่อย FPI. เพื่อวัตถุประสงค์ในช่วยการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ระบุข้างต้น

4.2 หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล หรือหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงเจ้าพนักงานซึ่งใช้อำนาจตามกฎหมาย เช่น ศาล ตำรวจ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กรมสรรพากร 

4.3 ตัวแทน ผู้รับจ้าง/ผู้รับจ้างช่วง และ/หรือผู้ให้บริการสำหรับการดำเนินงานใด ๆ เช่น ผู้ให้บริการจัดกิจกรรมและการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ถือหุ้น/ผู้ถือหุ้นกู้ ผู้ตรวจสอบบัญชี ทนายความ ที่ปรึกษากฎหมาย สถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินหรือผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้

4.4 บริษัทประกัน และหรือตัวแทน/นายหน้าประกันภัย/ประกันชีวิต ที่ให้บริการประกันภัยหรือประกันการเดินทางสำหรับผู้ถือหุ้น หรือตัวแทนผู้ถือหุ้น ในกรณีที่มีการทำประกันการเดินทางสำหรับท่านในการเข้าร่วมกิจกรรมกับ FPI.

4.5 ธนาคารที่มีหน้าที่จ่ายเงินให้แก่ผู้ถือหุ้น

4.6 นายทะเบียนผู้ถือหุ้น

5. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ

        FPI. อาจมีการเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์ของผู้ให้บริการที่อยู่ต่างประเทศ และอาจมีการประมวลผลข้อมูลโดยใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันสำเร็จรูปของผู้ให้บริการในต่างประเทศ 

        ทั้งนี้ ในการส่งหรือโอนข้อมูลของท่านไปยังต่างประเทศ ไม่ว่ากรณีใด ๆ FPI. จะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

6. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูล

        ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิตามที่กำหนดไว้โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ ท่านสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ของท่านได้ตามช่องทางที่ FPI. กำหนดในข้อ 8. หรือผ่าน FPI. โดยจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ เมื่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับกับ FPI ซึ่งสิทธิต่าง ๆ ของท่านมีรายละเอียด ดังนี้

 6.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdraw Consent)

ในกรณีที่ FPI. ขอความยินยอมจากท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับ FPI. ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน 

ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย 

6.2 สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Access)

ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ FPI รวมถึงขอให้ FPI. เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อ FPI. ได้ 

6.3 สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล (Data Portability Right)

ท่านมีสิทธิขอให้ FPI.โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับ FPI. ได้ตามที่กฎหมายกำหนด

6.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Object)

ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสำหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด 

6.5 สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล (Erasure Right)

ท่านมีสิทธิขอให้ FPI. ลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม FPI. อาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งอาจมีบางระบบที่ไม่สามารถลบข้อมูลได้ ในกรณีเช่นนั้น FPI. จะจัดให้มีการทำลายหรือทำให้ข้อมูลดังกล่าวกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ 

6.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing)

ท่านมีสิทธิขอให้ FPI. ระงับการใช้ข้อมูลของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนด 

6.7 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Rectification Right)

กรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลที่ FPI. มีอยู่นั้นไม่ถูกต้องหรือท่านมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเอง ท่านมีสิทธิขอให้ FPI. แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด 

6.8 สิทธิในการร้องเรียน (Right to Lodge a Complaint)

        ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หาก ปตท. ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้

        ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยื่นคำร้องขอใช้สิทธิภายใต้บทบัญญัติของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อ FPI. ได้รับคำร้องขอดังกล่าวแล้ว จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด อนึ่ง FPI. สงวนสิทธิที่จะปฏิเสธหรือไม่ดำเนินการตามคำร้องขอดังกล่าวได้ในกรณีที่กฎหมายกำหนด

7. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งฉบับนี้

        เราอาจแก้ไขปรับปรุงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นครั้งคราว และเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้น เราจะประกาศให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์ของ FPI.  และ/หรือ หนังสือเชิญประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี และ/หรือช่องทางแจ้งข่าวของตลาดหลักทรัพย์ และ/หรือแจ้งให้ท่านทราบผ่านทางอีเมล ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องขอความยินยอมจากท่านเราจะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านเพิ่มเติมด้วย

8. วิธีการติดต่อ

        ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน การใช้สิทธิของท่าน หรือมีข้อร้องเรียนใด ๆ ท่านสามารถติดต่อ FPI. ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)

11/22 หมู่ 20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12150

เว็บไซต์ : www.fpiautoparts.com     e-mail: info@fpiautoparts.com

โทรศัพท์ : 02-993-4970-7 

 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)

สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 11/22 หมู่20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา ปทุมธานี

ช่องทางการติดต่อ: e-mail    pdpa@fpiautoparts.com 

โทรศัพท์ : 02-993-4970-7  ต่อ 108,297

แบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับลูกค้า คู่ค้า ผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ และผู้ปฏิบัติงานในกลุ่ม FPI.

     บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”)  (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “FPI.” หรือ “เรา”) ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า ผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ ผู้ปฏิบัติงานใน FPIและบริษัทย่อย  (ซึ่งรวมเรียกว่า “ท่าน”) และเพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่าเราจะให้ความคุ้มครองและปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เราจึงได้กำหนดแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านทราบรายละเอียดการดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะเป็นการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) ซึ่งอาจเกิดขึ้น ตลอดจนแจ้งให้ท่านทราบถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และช่องทางการติดต่อเรา  

1. ประเภทบุคคลที่เราเก็บรวบรวมข้อมูลข้อมูลส่วนบุคคล

ภายใต้แบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ FPI. เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังต่อไปนี้

1.1  ลูกค้า หมายถึง บุคคลที่จะซื้อหรือซื้อสินค้า และ/หรือรับบริการจาก FPI. หรือบุคคลอื่นที่ติดต่อสอบถามข้อมูลสินค้า และ/หรือบริการของ FPI. บุคคลที่รับทราบข้อมูลสินค้า และ/หรือบริการผ่านสื่อต่าง ๆ และบุคคลที่ได้รับการโฆษณาประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสินค้า และ/หรือบริการของ FPI.  และให้หมายความรวมถึงบุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้อง หรือเป็นตัวแทนของนิติบุคคลที่เป็นลูกค้า เช่น ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง ตัวแทน ผู้แทน หรือบุคคลธรรมดาอื่นใด และบุคคลที่มีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกรรมระหว่าง FPI. กับนิติบุคคลนั้น เช่น ผู้ประสานงาน ผู้สั่งซื้อ ผู้รับสินค้า ผู้สั่งจ่ายเช็ค เป็นต้น รวมทั้งบุคคลที่นิติบุคคลนั้นได้ให้ข้อมูลไว้แก่ FPI. ด้วย

1.2  คู่ค้า หมายถึง บุคคลที่จะขายหรือขายสินค้า และ/หรือบริการให้แก่ FPI. ไม่ว่าจะได้ขึ้นทะเบียนเป็นคู่ค้ากับ FPI.หรือไม่ เช่น คู่สัญญา ผู้ให้บริการ ที่ปรึกษา เป็นต้น และให้หมายความรวมถึงบุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องหรือเป็นตัวแทนของนิติบุคคลซึ่งเป็นคู่ค้า เช่น ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง ตัวแทน ผู้แทน หรือบุคคลธรรมดาอื่นใด และบุคคลที่มีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกรรมระหว่าง FPI. กับนิติบุคคลนั้น เช่น ผู้ประสานงาน ผู้ส่งสินค้า ผู้สั่งจ่ายเช็ค เป็นต้น รวมทั้งบุคคลที่นิติบุคคลนั้นได้ให้ข้อมูลไว้แก่ FPI.ด้วย

1.3  ผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ หมายถึง บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ลูกค้า คู่ค้า หรือผู้ปฏิบัติงานในกลุ่ม FPI.ที่มีความสัมพันธ์ในลักษณะที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ เช่น ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยราชการซึ่งกำกับการประกอบธุรกิจหรือกำกับดูแลการปฏิบัติตามกฎหมาย ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการธุรกิจหรือผู้เข้าร่วมโครงการธุรกิจ ผู้สนใจเข้าร่วมลงทุนหรือผู้ร่วมลงทุน ตัวแทนหรือนายหน้าในการจัดหาสินค้าหรือบริการให้แก่ FPI. และให้หมายความรวมถึงบุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องหรือเป็นตัวแทนของนิติบุคคลนั้น เช่น ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ตัวแทน ผู้แทน หรือบุคคลธรรมดาอื่นใด และบุคคลที่มีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกรรมระหว่าง FPI. กับนิติบุคคลนั้น

1.4    ผู้ปฏิบัติงานใน FPI.และบริษัทย่อย หมายถึง กรรมการ พนักงาน หรือบุคลากรอื่นของบริษัทที่ FPI. ถือหุ้น และให้หมายความรวมถึงพนักงานของบริษัทย่อย ซึ่งมาปฏิบัติงานที่ FPI. ตามนโยบายหรือข้อกำหนดของ FPI.

2. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล  

2.1    โดยทั่วไปแล้ว ไม่ว่าท่านจะเป็นลูกค้า คู่ค้า ผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ หรือผู้ปฏิบัติงานใน FPI และบริษัทย่อย   อาจดำเนินการประมวลผลข้อมูลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้  

ข้อที่ วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
(1) เพื่อการติดต่อประสานงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของ FPI ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(2) เพื่อการเก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล ตำแหน่ง หน่วยงาน และภาพถ่าย-ภาพเคลื่อนไหวทีเกี่ยวกับการดำเนินงานและกิจกรรมของ FPI.เพื่อการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น อีเมลภายใน FPI. และบริษัทย่อย เว็บไซต์ของ FPI. หรือสื่อออนไลน์อื่น ๆ ของ FPI. หรือสื่ออื่น ๆ เช่น โทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ เป็นต้น  ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(3) เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการสมัครเข้าใช้งานระบบงานอิเล็กทรอนิกส์ หรือการเปิดสิทธิการเข้าถึงหรือใช้งานอินเตอร์เน็ต หรือระบบงานอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ  ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(4) เพื่อดำเนินการวางแผน การรายงาน และการคาดการณ์ทางธุรกิจ การบริหารความเสี่ยง การกำกับการตรวจสอบ รวมถึงการตรวจสอบภายในของสำนักตรวจสอบภายใน และการบริหารจัดการภายในองค์กร รวมถึงเพื่อใช้ประโยชน์ในการดำเนินงานภายใน FPI. ที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงินของหน่วยงานบัญชีการเงิน FPI.        ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(5) เพื่อเป็นข้อมูลในการดำเนินการเกี่ยวกับ การตรวจสอบสถานะกิจการ หรือการตรวจสอบประวัติรูปแบบอื่น ๆ เพื่อการประเมินความเหมาะสม หรือการพิจารณาความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจเข้าทำธุรกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน การพิสูจน์และการยืนยันตัวตน และหรือการตรวจสอบอำนาจ การมอบอำนาจและการรับมอบอำนาจในการลงนามข้อตกลงหรือสัญญาใด ๆ กับ FPI. ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(6) เพื่อการดำเนินการเกี่ยวกับการโอนสิทธิ หน้าที่ และผลประโยชน์ใด ๆ เช่น การควบรวมกิจการ การแยก หรือ การโอนกิจการ หรือซึ่งได้กระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(7) เพื่อเป็นฐานข้อมูลผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ของ FPI.และ/หรือใช้ข้อมูลเพื่อการบริหารความสัมพันธ์ หรือการติดต่อประสานงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ FPI. ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(8) เพื่อการเปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามเกณฑ์การประเมินต่าง ๆ ที่ FPI. เข้าร่วม     ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(9) เพื่อการสืบสวน สอบสวนเรื่อร้องเรียนภายในองค์กร การป้องกันการทุจริต หรือการดำเนินกระบวนการทางกฎหมายอื่นใด รวมทั้งการตรวจสอบและจัดการข้อร้องเรียนและข้อกล่าวหาที่เกี่ยวกับการดำเนินการของ FPI. หรือผู้ที่เกี่ยวข้องให้เกิดความโปร่งใสและความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(10) เพื่อรับสมัคร หรือพิจารณาให้เข้าร่วมโครงการหรือกิจกรรมต่าง ๆ ของ FPI. เช่น กิจกรรมทัศนศึกษา การศึกษาดูงาน การเยี่ยมชมกิจการ การรับบริจาค งานสัมมนา โครงการอบรมหรือโครงการอื่น ๆ ของ FPI. หรือที่ FPI. ดำเนินการร่วมกับบุคคลภายนอกหรือหน่วยงานราชการ เป็นต้น รวมถึงการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าร่วมกิจกรรม เช่น การดำเนินการเพื่อการบริหารจัดการด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของท่าน เช่น การทำประกันสุขภาพ สำหรับการเข้าร่วมทัศนศึกษา เป็นต้น ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

 (Legitimate Interests)

(11) เพื่อการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคาร สถานที่  รวมถึงการแลกบัตรก่อนเข้าบริเวณพื้นที่ดังกล่าว การบันทึกภาพผู้ที่มาติดต่อกับ FPI.หรืออาคาร สถานที่ ด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV) ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(12) เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การมอบอำนาจและการรับมอบอำนาจ การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การดำเนินคดีต่าง ๆ ตลอดจนการดำเนินการเพื่อบังคับคดีตามกฎหมาย ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

การปฏิบัติตามกฎหมาย

(Legal Obligation)

(13) เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการปฏิบัติตามหมายศาล หนังสือ หรือคำสั่งของหน่วยงาน องค์กรอิสระ หรือเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียก หมายอายัด คำสั่งของศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ หน่วยงานราชการ  รวมถึงการรายงานหรือเปิดเผยข้อมูลต่อผู้ถือหุ้น หน่วยงานราชการ หรือองค์กรอิสระ เช่น กรมสรรพากร สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง  การปฏิบัติตามกฎหมาย

(Legal Obligation)

(14) เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข เช่น การป้องกันด้านสุขภาพจากโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดที่อาจติดต่อหรือแพร่เข้ามาในราชอาณาจักร การปฏิบัติตามกฎหมาย

(Legal Obligation)

(15) เพื่อการบริหารจัดการด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของท่าน การป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพบุคคล

(Vital Interests)

(16) เมื่อท่านเข้าใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ของเรา FPI. อาจเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

    (ก) เพื่อวัดผลการปฏิบัติงาน และการวิเคราะห์การสำรวจตลาดและกลยุทธ์ทางการตลาด รวมทั้งเพื่อดำเนินการวางแผน การรายงาน และการคาดการณ์ทางธุรกิจ

    (ข) เพื่อสำรวจความคิดเห็น วิเคราะห์ วิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงกิจกรรม ของ FPI. ให้เหมาะสมกับความต้องการของท่าน และเพื่อการพัฒนาการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ตรงกับความต้องการของท่าน

    (ค) เพื่อการบริหารความเสี่ยง การกำกับการตรวจสอบ รวมถึงเพื่อการตรวจสอบภายในของสำนักตรวจสอบภายใน และการบริหารจัดการภายในองค์กร เช่น เพื่อตรวจสอบและป้องกันการทุจริต เป็นต้น

    (ง) เพื่อการติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติม การตรวจสอบข้อร้องเรียน การจัดการข้อร้องเรียน การจัดเก็บเป็นบันทึกผลการดำเนินการ การดำเนินการตามกระบวนการภายในของ FPI.

    (จ) เพื่อการคัดเลือกบุคคลเข้าร่วมกิจกรรม การตอบคำถามผ่านช่องทางออนไลน์ การประกาศผลกิจกรรม การแจกของรางวัลให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมตามเงื่อนไขที่ FPI. กำหนด รวมทั้งการจัดเก็บเป็นฐานข้อมูลประวัติผู้เข้าร่วมกิจกรรมกับ FPI.

    (ฉ) เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย การสืบสวน สอบสวน ตามกระบวนการทางกฎหมายและกฎระเบียบอื่นใด และเพื่อรายงานหรือเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานราชการหรือองค์กรอื่นใดซึ่งอาศัยอำนาจตามกฎหมาย หรือคำสั่งศาล รวมทั้งเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

การปฏิบัติตามกฎหมาย

(Legal Obligation)

นอกจากวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้น FPI. อาจทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพิ่มเติม ในกรณีต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ 

        2.2    ในกรณีที่ท่านเป็นลูกค้า FPI. อาจดำเนินการประมวลผลข้อมูลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เพิ่มเติมดังนี้

ข้อที่ วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
(1) เพื่อการพิจารณาอนุมัติคำขอซื้อสินค้าและหรือใช้บริการ รวมถึงกระบวนการตรวจสอบยืนยันตัวตน การตรวจสอบอำนาจ การมอบอำนาจและการรับมอบอำนาจ การพิจารณาความเสี่ยงในการเข้าทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง และการดำเนินการตามกระบวนการภายในต่าง ๆ ของ FPI. เพื่อการทำสัญญา การปฏิบัติงานตามสัญญา การส่งสินค้า การให้บริการ รวมไปถึงการติดต่อประสานงาน การเรียกเก็บค่าใช้จ่าย การจัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น การปฏิบัติตามสัญญา

(Contractual Basis) 

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(2) เพื่อประโยชน์ในการประเมิน ปรับปรุง และพัฒนาสินค้า การให้บริการ และรายการส่งเสริมการขายต่าง ๆ ของ FPI. รวมถึงเพื่อสำรวจความพึงพอใจเกี่ยวกับสินค้าและบริการของ FPI. เพื่อให้เหมาะสมและตรงตามความต้องการของท่าน ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(3) เพื่อใช้เป็นข้อมูลและเอกสารประกอบการดำเนินงานใด ๆ กับธนาคาร สถาบันการเงิน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และหน่วยงานภายนอกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

        2.3    ในกรณีที่ท่านเป็นคู่ค้า FPI. อาจดำเนินการประมวลผลข้อมูลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เพิ่มเติมดังต่อไปนี้

ข้อที่ วัตุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
(1) เพื่อการดำเนินการตามกระบวนการต่าง ๆ ก่อนเข้าทำสัญญา เช่น 

    •    การขึ้นทะเบียนคู่ค้า 

    •    การพิจารณาคุณสมบัติของคู่ค้า 

    •    การจัดเตรียมข้อมูลก่อนเข้าสู่กระบวนการการจัดซื้อจัดจ้าง เช่น การสืบและจัดทำราคากลาง, การระบุชื่อและรายละเอียดของคู่ค้าในระบบภายในของ FPI. เป็นต้น

    •    การซื้อหรือรับแบบประมูล การเข้ารับฟังการชี้แจง การนำเสนอผลงานที่เกี่ยวข้องกับงานจัดซื้อจัดจ้าง (แล้วแต่กรณี) ต่อรองราคา การประกาศผลผู้ชนะ

    •    การเชิญเสนอราคา การเสนอราคา การตรวจสอบอำนาจ การมอบอำนาจและการรับมอบอำนาจในการยื่นเอกสารเสนอราคาของผู้เสนอราคา และการพิจารณาคุณสมบัติของผู้เสนอราคากับ FPI. ตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของ FPI. รวมถึงกรณีที่ผู้เสนอเป็นผู้ให้บริการ ที่ปรึกษากฎหมาย ที่ปรึกษาบัญชี ที่ปรึกษาธุรกิจ และที่ปรึกษาภาษี ผู้สอบบัญชี ที่ปรึกษาทางการเงิน สถาบันการเงิน ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาระบบบัญชีและการเงิน

    •    การจัดทำ Confidentiality Agreement

การปฏิบัติตามสัญญา

(Contractual Basis)

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(2) เพื่อความจำเป็นในการทำธุรกรรมระหว่างคู่ค้ากับ FPI. เช่น

     •    การตรวจสอบยืนยันตัวตน การตรวจสอบอำนาจ การมอบอำนาจและการรับมอบอำนาจ รวมทั้งเพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง

     •    การดำเนินการตามกฎ ระเบียบ และกระบวนการภายในต่าง ๆ ของ FPI.

     •    การพิจารณา จัดทำ และลงนามในสัญญาทางการค้า 

     •    การปฏิบัติตามสัญญาว่าจ้าง สัญญาบริการ สัญญาทางการค้าอื่น ๆ และความตกลงหรือความร่วมมือที่เกี่ยวข้อง ระหว่าง FPI.และคู่สัญญา รวมถึงกระบวนการขอและพิจารณาเอกสารที่เกี่ยวข้องอันอาจมีข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการบริษัทซึ่งเป็นบุคคลภายนอกหรือผู้แทนจากหน่วยงานรัฐ 

     •    การตรวจรับงานตามสัญญาระหว่าง FPI.และคู่ค้า การบริหารพัสดุและสินค้าเชิงพาณิชย์ การออกหนังสือรับรองผลงาน จนแล้วเสร็จ

การปฏิบัติตามสัญญา

(Contractual Basis)

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(3) เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมระหว่างคู่ค้ากับ FPI. เช่น 

กฎหมายเกี่ยวกับจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานรัฐ กฎหมายว่าด้วยภาษีอากร กฎหมายในการตรวจสอบสิทธิประโยชน์ในที่ดิน กฎหมายว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ

การปฏิบัติตามกฎหมาย

(Legal Obligation)

        2.4    ในกรณีที่ท่านเป็นผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ FPI.อาจดำเนินการประมวลผลข้อมูลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เพิ่มเติมดังต่อไปนี้

ข้อที่ วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
(1) เพื่อการติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ เช่น ติดต่อ นัดพบ เข้าพบ ประชุม ร่วมพบปะพูดคุยทางธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ และโครงการต่าง ๆ ของ FPI. หรือโครงการที่เกี่ยวข้องกับ FPI. รวมถึงการบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับการติดต่อดังกล่าว ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(2) เพื่อการตรวจสอบคุณสมบัติหรือประเมินความเหมาะสมก่อนการตัดสินใจเข้าทำธุรกรรม การพิจารณาความเสี่ยงในการเข้าทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง การพิสูจน์และการยืนยันตัวตน และหรือการตรวจสอบอำนาจ การมอบอำนาจและการรับมอบอำนาจในการลงนามข้อตกลงหรือสัญญาใด ๆ กับ FPI. การตรวจสอบสถานะกิจการ หรือการตรวจสอบประวัติรูปแบบอื่น ๆ และการดำเนินการตามกระบวนการภายในต่าง ๆ ของ FPI. ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(3) เพื่อการพิจารณา การจัดทำ การลงนามในสัญญาหรือข้อตกลงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการบริหารสัญญาหรือข้อตกลงดังกล่าว ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(4) เพื่อพิจารณาคำขอเข้าร่วมโครงการของ FPI.หรือโครงการที่ FPI. ร่วมกับบุคคลภายนอกหรือหน่วยงานราชการ และดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าว ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

       2.5    ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ปฏิบัติงานใน FPIและบริษัมย่อย.  FPI. อาจดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เพิ่มเติมดังต่อไปนี้

ข้อที่ วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
(1) เพื่อตรวจสอบยืนยันตัวตนในการเป็นผู้ปฏิบัติงานของ  FPI.  ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(2) เพื่อการติดต่อประสานงานต่าง ๆ เกี่ยวกับการทำงานร่วมกันระหว่าง FPI.  และบริษัทย่อย รวมถึงการแจ้งข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ หรือกิจกรรม หรือโครงการระหว่างกัน    ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(3) เพื่อการปฏิบัติตามนโยบายต่าง ๆ ของ FPI.  และบริษัทย่อย  และเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการกำกับดูแล การตรวจสอบการทำงานและการปฏิบัติตามนโยบาย FPI. ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(4) เพื่อการประสานงานกับหน่วยงานภายนอกเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของ FPI. ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(5) เพื่อใช้ประกอบการพิจารณารับพนักงานมาปฏิบัติงานใน FPI การพิจารณารับโอนพนักงานเข้ามาเป็นพนักงาน FPI.   

ในกรณีที่ FPI.  รับผู้ปฏิบัติงานในบริษัทย่อยของFPI.  ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทย่อย เข้ามาปฏิบัติงานใน FPI.. ตามหลักเกณฑ์ในระเบียบหรือข้อกำหนดภายในของ FPI. แล้ว  FPI.  อาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการติดต่อประสานงาน ปฏิบัติหน้าที่หรือการทำธุรกรรมใด ๆ กับลูกค้า คู่ค้า บริษัทในกลุ่ม FPI.  ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐ องค์การมหาชน องค์กรอิสระที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย หน่วยงานหรือบุคคลภายนอกอื่นใด ในฐานะผู้แทนของ FPI.  หรือการปฏิบัติงานตามที่ FPI.  มอบหมาย รวมถึงการทำสัญญา การแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาหรือข้อตกลงต่าง ๆ  การมอบหรือรับมอบอำนาจ ตลอดจน การชี้แจง การให้ข้อมูล ให้ถ้อยคำกับบุคคลภายนอก หรือเข้าร่วมการอบรม สัมมนา เสวนาวิชาการ หรือการบรรยายแก่บุคคลภายนอกในนาม FPI. รวมถึง เพื่อประกอบการดำเนินงานตามกระบวนการภายใน ของ FPI.  การประเมินผลการปฏิบัติงาน หรือการจ่ายค่าตอบแทนในการปฏิบัติงาน หรือสวัสดิการ

การปฏิบัติตามสัญญา

(Contractual Basis)

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(6) เพื่อการตรวจสอบอำนาจ การมอบอำนาจและการรับมอบอำนาจ รวมทั้งเพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง  ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(7) เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการประชุม การดำเนินงานร่วมกัน การจัดเตรียมข้อมูลก่อนเข้าสู่กระบวนการจัดหาร่วมกันระหว่างFPIกับบริษัทย่อย ตามกฎ ระเบียบ และกระบวนการภายในต่าง ๆ ของ FPI. เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง การจัดทำเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน การบันทึกการประชุม การจัดทำรายงานการประชุม   ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(8) เพื่อประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการดำเนินโครงการ การประชุม ระหว่าง FPI. และบริษัทย่อย   ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(9) เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตรวจสอบคุณสมบัติ หรือความเหมาะสมในการปฏิบัติงานตามสัญญา หรือข้อตกลงซึ่งบริษัทย่อย ได้ให้ไว้แก่ FPI. ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(10) เพื่อการให้บริการตามสัญญา หรือข้อตกลงที่ FPI. มีกับบริษัทย่อย   ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

(11) เพื่อการปรับปรุงการทำงาน หรือการให้บริการต่าง ๆ ระหว่าง FPI.  และบริษัทย่อย ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

        ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลที่ FPI. เก็บรวบรวมเพื่อวัตถุประสงค์ข้างต้นเป็นข้อมูลที่จำเป็นในการปฏิบัติตามสัญญาหรือการปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ ที่ใช้บังคับ หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นดังกล่าว FPI. อาจไม่สามารถพิจารณาเข้าทำธุรกรรม หรือบริหารจัดการตามสัญญากับท่านได้ (ตามแต่กรณี)     

3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม

        โดยทั่วไปแล้ว ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน FPI.  จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยการขอหรือสอบถามข้อมูลเหล่านั้นจากท่านเองโดยตรง อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี FPI. อาจมีการเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านจากแหล่งอื่น เช่น พนักงาน เลขานุการหรือผู้ประสานงานแทนของท่าน หน่วยงานราชการหรือหน่วยงานของรัฐ หรือแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ซึ่งเปิดเผยสาธารณะ เช่น เว็บไซต์ ข้อมูลที่ค้นหาได้ทางอินเตอร์เน็ต เป็นต้น 

        ทั้งนี้ FPI. ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้  

3.1    ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป  

(1) ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตน (Identity Data) เช่น ชื่อ นามสกุล เลขประจำตัวบัตรประชาชน เลขหนังสือเดินทาง วันเดือนปี เกิด เพศ อายุ สัญชาติ ลายมือชื่อ ภาพถ่าย เลขประจำตัวใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ รหัสพนักงาน (เฉพาะกรณี พนักงาน FPI และบริษัทย่อย) ข้อมูลใบอนุญาตขับรถยนต์ ข้อมูลใบอนุญาตขับรถยนต์ของ FPI.. เป็นต้น

(2) ข้อมูลติดต่อ (Contact Data) เช่น ที่อยู่ สำเนาทะเบียนบ้าน เบอร์โทรศัพท์ เบอร์โทรสาร อีเมล ตำแหน่งที่อยู่ (Geolocation) ผู้ติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน บัญชีการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ LINE ID ข้อมูลเลขานุการ เป็นต้น

(3) ข้อมูลทางการเงิน (Financial Data) เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร เป็นต้น 

(4) ข้อมูลการติดต่อกับ FPI.  (Communication Data) เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับวัน เวลา สถานที่ที่ติดต่อกับ FPIข้อมูลการบันทึกภาพหรือเสียงเมื่อมีการติดต่อกับ FPI. เป็นต้น

(5) ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือหน่วยงานที่ทำงาน เช่น บริษัทที่ทำงานหรือหน่วยงานต้นสังกัด สถานที่ทำงาน ตำแหน่งงาน เป็นต้น

(6) ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน การฝึกอบรม ความเชี่ยวชาญ และผลงานต่าง ๆ เป็นต้น

(7) ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะความชอบ ความสนใจส่วนบุคคล 

(8) การบันทึกภาพโดยกล้องวงจรปิด CCTV 

(9) ข้อมูลการเข้าร่วมประชุมระหว่าง FPI. และบริษัทย่อย รวมถึงข้อมูลการเข้าร่วมการอบรม สัมมนา กิจกรรม หรือโครงการอื่น ๆ ที่ FPI. จัดขึ้น โดยอาจมีการบันทึกภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และหรือเสียงระหว่างการประชุม อบรม สัมมนา หรือกิจกรรมดังกล่าว 

(10) ข้อมูลที่จำเป็นอื่น ๆ เพื่อการดำเนินคดีหรือการบังคับคดี เช่น สถานภาพการสมรส ข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สิน เป็นต้น

(11) ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ข้อร้องเรียน

(12) ประวัติการร่วมกิจกรรม หรือโครงการต่าง ๆ กับ FPI.

(13) ข้อมูลการคัดกรองตามมาตรการป้องกันโรคระบาด

(14) ข้อมูลพฤติกรรมการขับรถยนต์ของ FPI.

3.2    ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน 

        โดยทั่วไปแล้ว FPI. ไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลศาสนาและหมู่โลหิตที่ปรากฏอยู่ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ใดโดยเฉพาะ หากท่านได้มอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ FPI.  ขอให้ท่านปกปิดข้อมูลดังกล่าว หากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลข้างต้น ถือว่าท่านอนุญาตให้ FPI. ดำเนินการปกปิดข้อมูลเหล่านั้น และถือว่าเอกสารที่มีการปกปิดข้อมูลดังกล่าว มีผลสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ตามกฎหมายทุกประการ ทั้งนี้ หาก FPI.  ไม่สามารถปกปิดข้อมูลได้เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคบางประการ FPI. จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น 

        ในกรณีที่ FPI.  จำเป็นจะต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดของท่าน FPI. จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านเป็นกรณีไป  ทั้งนี้ FPI.  อาจมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน ดังนี้

        (1) ข้อมูลเชื้อชาติ         

        (2) ข้อมูลศาสนา 

        (3) ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ และหรือความพิการ

        (4) ข้อมูลผลการตรวจสารเสพติดในร่างกาย

        (5) ข้อมูลชีวภาพ เช่น ระบบการจดจำใบหน้า ระบบการจดจำเสียง และลายนิ้วมือ

4. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

        FPI. จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในแบบแจ้งฉบับนี้ หลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ได้แก่ ระยะเวลาที่ FPI. ยังคงจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์  และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในองค์กรของ FPI.

5. การเปิดเผยข้อมูล

        ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งฉบับนี้ FPI. อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านให้แก่บุคคลภายนอกดังต่อไปนี้ 

5.1  บริษัทย่อย ของ FPI

5.2  หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐ องค์การมหาชน องค์กรอิสระที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย หรือหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงเจ้าพนักงานซึ่งใช้อำนาจหรือปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น ศาล ตำรวจ กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน  สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน กรมบังคับคดี สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นต้น

5.3 หน่วยงาน องค์กร หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการใช้สิทธิเรียกร้อง การดำเนินคดี การโต้แย้งข้อร้องเรียนหรือข้อกล่าวหา การต่อสู้คดี ของ FPI.  เช่น คู่ความในคดี พยาน เป็นต้น

5.4 ตัวแทน ผู้รับจ้าง/ผู้รับจ้างช่วง และ/หรือผู้ให้บริการสำหรับการดำเนินงานใด ๆ ให้แก่ FPI.  เช่น ที่ปรึกษาทางวิชาชีพ ผู้ให้บริการขนส่ง บริษัทรับจ้างทำกิจกรรมทางการตลาด บริษัทรับจ้างจัดหาที่พักและการเดินทาง บริษัทรับดำเนินการจัดกิจกรรม งานอบรม หรืองานสัมมนา ผู้รับจ้างจัดกิจกรรม ผู้รับจ้างผลิตสื่อ ผู้รับจ้างประชาสัมพันธ์  ผู้รับประกันภัย ผู้สอบบัญชี ที่ปรึกษากฎหมาย เป็นต้น

5.5 ผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ (ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญากรณีมีการดำเนินโครงการหรือทำธุรกิจร่วมกัน)

5.6 สถาบันให้การรับรองมาตรฐานระบบการจัดการ 

5.7 ผู้เข้าร่วมอบรม 

5.8 ผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นกู้ และตัวแทนของบุคคลดังกล่าว

5.9 ธนาคาร หรือสถาบันการเงิน

5.10  ผู้รับโอนสิทธิหน้าที่และประโยชน์ใด ๆ จาก FPI. รวมถึงผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้รับโอนดังกล่าวให้ดำเนินการแทน เช่น กรณีปรับโครงสร้าง การควบรวมกิจการ การแยก หรือ การโอนกิจการ เป็นต้น

5.11  บุคคลภายนอกอื่น ๆ เช่น การเปิดเผยข้อมูลในระบบ e-GP การประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกต่าง ๆ ผ่านช่องทาง social media ของ FPI. หรือการประชาสัมพันธ์ภาพกิจกรรม หรือข่าวสารการทำกิจกรรมหรือโครงการของ FPI. ไปยังสื่อมวลชนและบุคคลภายนอก เป็นต้น  

6. การส่งหรือเปิดเผยข้อมูลไปต่างประเทศ  

        ในบางกรณี เราอาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ ซึ่งอาจมีมาตรฐานในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแตกต่างไปจากประเทศไทย เนื่องจาก FPI.  มีบริษัทย่อยซึ่งตั้งอยู่ต่างประเทศ รวมทั้งมีการประกอบธุรกิจหรือมีการทำธุรกรรมต่าง ๆ กับบริษัทต่างประเทศ ดังนั้น เราอาจจำเป็นที่จะต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบริษัทเหล่านั้น รวมถึงหน่วยงานราชการ ที่ปรึกษาทางวิชาชีพ และบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องและจำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว เพื่อประกอบการดำเนินธุรกิจตามปกติของเรา รวมถึงอาจมีการเปิดเผยข้อมูลไปต่างประเทศเพื่อประกอบการดำเนินคดีหรืออนุญาโตตุลาการซึ่งอาจมีขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ FPI.  อาจมีการเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์ของผู้ให้บริการที่อยู่ต่างประเทศ และอาจมีการประมวลผลข้อมูลโดยใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันสำเร็จรูปของผู้ให้บริการในต่างประเทศ 

        อย่างไรก็ตาม ในการส่งหรือโอนข้อมูลดังกล่าวไม่ว่ากรณีใด ๆ FPI.  จะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 

7. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูล

        ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิตามที่กำหนดไว้โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ ท่านสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ของท่านได้ตามช่องทางที่ FPI.  กำหนดในข้อ 9. หรือ ผ่านเว็บไซต์ของ FPI.  โดยจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ เมื่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับกับ FPI. ซึ่งสิทธิต่าง ๆ ของท่านมีรายละเอียด ดังนี้ 

7.1    สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdraw Consent) 

ในกรณีที่ FPI.  ขอความยินยอมจากท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับ FPI. ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน

ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย  

7.2    สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Access) 

ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ FPI. รวมถึงขอให้ FPI.. เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อ FPI. ได้ 

7.3    สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล (Data Portability Right) 

ท่านมีสิทธิขอให้ FPI. โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับ FPI. ได้ตามที่กฎหมายกำหนด 

7.4    สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Object) 

ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสำหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด  

7.5    สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล (Erasure Right) 

ท่านมีสิทธิขอให้ FPI. ลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม FPI. อาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งอาจมีบางระบบที่ไม่สามารถลบข้อมูลได้ ในกรณีเช่นนั้น FPI.  จะจัดให้มีการทำลายหรือทำให้ข้อมูลดังกล่าวกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้  

7.6    สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing) 

ท่านมีสิทธิขอให้ FPI.  ระงับการใช้ข้อมูลของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนด 

7.7    สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Rectification Right) 

กรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลที่ FPI.. มีอยู่นั้นไม่ถูกต้องหรือท่านมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเอง ท่านมีสิทธิขอให้ FPI.  แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด 

7.8    สิทธิในการร้องเรียน (Right to Lodge a Complaint) 

ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หาก FPI.  ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ 

8. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งฉบับนี้

        เราอาจแก้ไขปรับปรุงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นครั้งคราว และเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้น เราจะประกาศให้ท่านทราบผ่านทาง เว็บไซต์ของ FPI.  และ/หรือแจ้งให้ท่านทราบผ่านทางอีเมล ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องขอความยินยอมจากท่านเราจะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านเพิ่มเติมด้วย  

9. วิธีการติดต่อ

        ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน การใช้สิทธิของท่าน หรือมีข้อร้องเรียนใด ๆ ท่านสามารถติดต่อ FPI.  ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้ 

บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)

11/22 หมู่ 20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12150

เว็บไซต์ : www.fpiautoparts.com

e-mail: info@fpiautoparts.com

โทรศัพท์ : 02-993-4970-7 

 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)

สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 11/22 หมู่20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา ปทุมธานี

ช่องทางการติดต่อ: e-mail    pdpa@fpiautoparts.com 

โทรศัพท์ : 02-993-4970-7  ต่อ 108,297

แบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับสำหรับผู้มาติดต่อ ผู้ขอเข้าอาคาร สถานที่ปฏิบัติงาน หรือพื้นที่เฉพาะของบริษัทฯ.

บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”)  (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “FPI.” หรือ “เรา”) ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มาติดต่อ ผู้ขอเข้าอาคาร สถานที่ปฏิบัติงาน หรือพื้นที่เฉพาะของ FPI. และเพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่าเราจะให้ความคุ้มครองและปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เราจึงได้กำหนดแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านทราบรายละเอียดการดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะเป็นการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) ซึ่งอาจเกิดขึ้น ตลอดจนแจ้งให้ท่านทราบถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และช่องทางการติดต่อเรา ดังต่อไปนี้  

1. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

        ในกรณีที่ท่านเข้ามาติดต่อ หรือขอเข้าอาคาร หรือขอเข้าปฏิบัติงานในสถานที่ปฏิบัติงาน หรือพื้นที่เฉพาะของ FPI.. เรามีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

ข้อที่ วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
1.1 เพื่อควบคุมการเข้าอาคาร สถานที่ปฏิบัติงาน หรือพื้นที่เฉพาะของ FPI. ตลอดจนเพื่อสังเกตการณ์ ป้องกัน ขัดขวาง และตรวจสอบการเข้าบริเวณดังกล่าวโดยมิได้รับอนุญาต เพื่อรักษาความปลอดภัยบริเวณอาคาร สถานที่ปฏิบัติงาน รวมถึงการแลกบัตร การลงทะเบียน การบันทึกประวัติและข้อมูลที่จำเป็นของผู้รับเหมาที่เข้าปฏิบัติงานให้ FPI. หรือผู้มาติดต่อ FPI.  ที่บริเวณอาคาร สถานที่ปฏิบัติงาน การบันทึกประวัติของผู้มีสิทธิจอดรถ ภายในบริเวณสถานที่ตามที่ FPI. กำหนด การบันทึกประวัติของผู้มีสิทธิเข้า-ออก ภายในอาคาร และบริเวณสถานที่ของ FPI. ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.2 เพื่อดำเนินการตามกระบวนการภายในต่าง ๆ ของ FPI.ก่อนการเข้าปฏิบัติงานในอาคาร สถานที่ปฏิบัติงาน หรือพื้นที่เฉพาะของ FPI. เช่น

    1)  การลงทะเบียนและดำเนินการจัดอบรมเกี่ยวกับความปลอดภัยก่อนการเข้าปฏิบัติงานให้ FPI.

    2)  การขอใบอนุญาตเข้าทำงานใน FPI.และใบอนุญาตทำงานในพื้นที่เฉพาะ เช่น 

          - ใบอนุญาตให้ทำงานที่ใช้ความร้อน (Hot Work Permit)

          - ใบอนุญาตให้ทำงานที่สูง

          - ใบอนุญาตแบบขอทำงานเร่งด่วน

          - ใบอนุญาตปฏิบัติงานในที่อับอากาศ

    3)  การขอออกบัตรประจำตัวผู้รับเหมา

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

 

 

1.3 เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่พนักงานและทรัพย์สินของ FPI. รวมถึงการใช้กล้องวงจรปิดในการบันทึกภาพบุคคลที่อยู่บริเวณอาคาร สถานที่ปฏิบัติงาน และพื้นที่เฉพาะของ FPI. ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.4 เพื่อควบคุมการเข้าถึงแหล่งเทคโนโลยีสารสนเทศและฐานข้อมูลของ FPI. ตลอดจนเพื่อสังเกตการณ์ ป้องกัน ขัดขวาง และตรวจสอบการเข้าถึงดังกล่าวโดยมิได้รับอนุญาต ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.5 เพื่อบริหารความเสี่ยง การกำกับการตรวจสอบ รวมถึงเพื่อการตรวจสอบภายในของสำนักตรวจสอบภายใน และการบริหารจัดการภายในองค์กร ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.6 เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย และการดำเนินคดีต่าง ๆ รวมถึงเป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี (หากมี) กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการดำเนินการเพื่อบังคับคดีตามกฎหมาย ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.7 เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย คำสั่งของหน่วยงาน องค์กรอิสระ หรือเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียก หมายอายัด คำสั่งของศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ หน่วยงานราชการ การปฏิบัติตามกฎหมาย

(Legal Obligation)

1.8 เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข เช่น การป้องกันด้านสุขภาพจากโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดที่อาจติดต่อหรือแพร่เข้ามาในราชอาณาจักร การปฏิบัติตามกฎหมาย

(Legal Obligation)

1.9 เพื่อการบริหารจัดการด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของท่าน การป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพบุคคล

(Vital Interests)

          เราขอแจ้งให้ท่านทราบว่า การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มาติดต่อ ผู้ขอเข้าอาคาร สถานที่ปฏิบัติงาน หรือพื้นที่เฉพาะของ FPI. ที่ได้ให้ข้อมูลไว้กับเรานั้น เราอาศัยฐานทางกฎหมายประการต่าง ๆ ตามที่แจ้งไว้นี้ โดยไม่ได้อาศัยความยินยอม แต่อย่างไรก็ตาม อาจมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในบางกรณีที่เราไม่อาจใช้ฐานทางกฎหมายเหล่านี้ได้ เช่น กรณีที่กฎหมายกำหนดให้จะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน (Sensitive data) เป็นต้น ในกรณีเช่นนั้น เราจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน (โปรดอ่านเอกสารขอความยินยอมของเราเพิ่มเติมจากเอกสารนี้)  

2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม

        โดยทั่วไปแล้ว FPI. จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยการขอข้อมูลจากท่านโดยตรง เช่น การให้ท่านกรอกข้อมูลตามแบบฟอร์มที่ FPI. กำหนด หรือสอบถามจากท่าน หรือขอให้ท่านส่งเอกสารที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ FPI. แต่อย่างไรก็ตาม อาจมีบางกรณีที่ FPI. เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากแหล่งอื่นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้น เช่น 

        –    นิติบุคคลที่ท่านมีฐานะเป็นผู้แทน ผู้รับมอบอำนาจ ผู้ปฏิบัติงานแทน หรือ ลูกจ้าง 

        –    พนักงาน FPI. ในกรณีที่มีการรายงานเหตุการณ์และอุบัติการณ์ที่เกิดขึ้นในอาคาร สถานที่ปฏิบัติงาน

        ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ FPI.ดำเนินการเก็บรวบรวมนั้น มีดังต่อไปนี้ 

2.1    ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป 

(1) ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตน (Identity Data) เช่น ชื่อ นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง เพศ วันเดือนปีเกิด อายุ สัญชาติ ลายมือชื่อ ภาพถ่าย

(2) ข้อมูลติดต่อ (Contact Data) เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เบอร์โทรสาร อีเมล Line ID

(3) ข้อมูลการติดต่อกับ FPI. (Communication Data) เช่น รูปภาพ ข้อมูลการบันทึกภาพเคลื่อนไหว 

(4) หมายเลขทะเบียนรถ

(5) ข้อมูลการคัดกรองตามมาตรการป้องกันโรคระบาด

2.2    ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน

        FPI. ไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลศาสนาและหมู่โลหิตที่ปรากฏอยู่ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ใดโดยเฉพาะ ในกรณีที่ท่านได้มอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ FPI. ขอให้ท่านปกปิดข้อมูลดังกล่าว หากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลข้างต้น ถือว่าท่านอนุญาตให้ FPI. ดำเนินการปกปิดข้อมูลเหล่านั้น และถือว่าเอกสารที่มีการปกปิดข้อมูลดังกล่าว มีผลสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ตามกฎหมายทุกประการ ทั้งนี้ หาก FPI. ไม่สามารถปกปิดข้อมูลได้เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคบางประการ FPI. จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น 

        อย่างไรก็ตาม ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มาติดต่อ ผู้ขอเข้าอาคาร สถานที่ปฏิบัติงาน หรือพื้นที่เฉพาะของ FPI. อาจมีบางกิจกรรมที่ FPI.จะขอข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนบางประการเพิ่มเติม เช่น ข้อมูลสุขภาพ หรือ ข้อมูลชีวภาพ (ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า) เพื่อวัตถุประสงค์ตามที่เราจะได้แจ้งไว้โดยเฉพาะในแบบฟอร์มการขอความยินยอม และ FPI. จะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านโดยชัดแจ้งก่อนเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนดังกล่าว

3. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

        FPI.จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในหนังสือแจ้งฉบับนี้ หลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ได้แก่ ระยะเวลาที่ FPI.ยังมีความสัมพันธ์กับท่าน และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในองค์กรของ FPI.

4. การเปิดเผยข้อมูล

ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งฉบับนี้ FPI.อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านให้แก่บุคคลภายนอกดังต่อไปนี้

4.1    หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล หรือหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงเจ้าพนักงานซึ่งใช้อำนาจตามกฎหมาย เช่น ศาล ตำรวจ

4.2    ตัวแทน ผู้รับจ้าง/ผู้รับจ้างช่วง และ/หรือผู้ให้บริการสำหรับการดำเนินงานใด ๆ ให้แก่ FPI. เช่น ผู้ตรวจสอบบัญชี ทนายความ ที่ปรึกษากฎหมาย

5. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูล

        ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิตามที่กำหนดไว้โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ ท่านสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ของท่านได้ตามช่องทางที่ FPI.กำหนดในข้อ 7. หรือผ่านเว็บไซต์ของ FPI. โดยจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ เมื่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับกับ FPI. ซึ่งสิทธิต่าง ๆ ของท่านมีรายละเอียด ดังนี้

5.1    สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdraw Consent)

ในกรณีที่ FPI.ขอความยินยอมจากท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับ FPI. ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน  ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย 

5.2    สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Access)

ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ FPI. รวมถึงขอให้ FPI.เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อ FPI. ได้

5.3    สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล (Data Portability Right)

ท่านมีสิทธิขอให้ FPI.โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับ FPI. ได้ตามที่กฎหมายกำหนด

5.4    สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Object)

ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสำหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด 

5.5    สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล (Erasure Right)

ท่านมีสิทธิขอให้ FPI. ลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด

5.6    สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing)

ท่านมีสิทธิขอให้ FPI. ลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม FPI. อาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งอาจมีบางระบบที่ไม่สามารถลบข้อมูลได้ ในกรณีเช่นนั้น FPI. จะจัดให้มีการทำลายหรือทำให้ข้อมูลดังกล่าวกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ 

5.7    สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Rectification Right)

กรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลที่ FPI. มีอยู่นั้นไม่ถูกต้องหรือท่านมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเอง ท่านมีสิทธิขอให้ FPI.แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

5.8    สิทธิในการร้องเรียน (Right to Lodge a Complaint)

ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หาก FPI. ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้

6. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งฉบับนี้

        เราอาจแก้ไขปรับปรุงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นครั้งคราว และเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้น เราจะประกาศให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์ของ FPI. และ/หรือแจ้งให้ท่านทราบผ่านทางอีเมล ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องขอความยินยอมจากท่านเราจะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านเพิ่มเติมด้วย 

7. วิธีการติดต่อ

        ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน การใช้สิทธิของท่าน หรือมีข้อร้องเรียนใด ๆ ท่านสามารถติดต่อ FPI. ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)

11/22 หมู่ 20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12150

เว็บไซต์ : www.fpiautoparts.com       e-mail: info@fpiautoparts.com

โทรศัพท์ : 02-993-4970-7 

 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)

สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 11/22 หมู่20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา ปทุมธานี

ช่องทางการติดต่อ: e-mail    pdpa@fpiautoparts.com 

โทรศัพท์ : 02-993-4970-7  ต่อ 108,297

แบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (Privacy Notice) สำหรับผู้เข้าร่วมการอบรม สัมมนา การศึกษาดูงาน กิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ หรือกิจกรรมอื่น ๆ

        บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”)  (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “FPI.” หรือ “เรา”) ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และเพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่าเราจะให้ความคุ้มครองและปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เราจึงได้กำหนดแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านในฐานะบุคคลภายนอกผู้เข้าร่วมการอบรม สัมมนา การศึกษาดูงาน กิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ หรือกิจกรรมอื่น ๆ กับ FPI.  ทราบรายละเอียดการดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะเป็นการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) ซึ่งอาจเกิดขึ้น ตลอดจนแจ้งให้ท่านทราบถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และช่องทางการติดต่อเรา ดังต่อไปนี้  

1. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

        ในการเข้าร่วมการอบรม สัมมนา การศึกษาดูงาน กิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ หรือกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่ง FPI.  ได้จัดขึ้นนั้น เราอาจมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ โดยอาศัยฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้ 

ข้อที่ วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
1.1 เพื่อดำเนินการที่จำเป็นในการพิจารณาและคัดเลือกผู้สมัครเข้าร่วมงานอบรม งานสัมมนา การศึกษาดูงาน กิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ หรือกิจกรรมอื่น ๆ ของ FPI.  ซึ่งหมายความรวมถึงขั้นตอนการสัมภาษณ์ ขั้นตอนการประเมินคัดเลือก และกระบวนการบริหารงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาและคัดเลือกเข้าร่วมงานอบรม งานสัมมนา การศึกษาดูงาน กิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ หรือกิจกรรมอื่น ๆ ของ FPI. การปฏิบัติตามสัญญา

(Contractual Basis)

 
1.2 เพื่อการจัดเตรียมงานอบรม งานสัมมนา การศึกษาดูงาน กิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ หรือกิจกรรมอื่น ๆ ให้มีความเหมาะสม และเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ท่าน เช่น การวิเคราะห์และจัดรูปแบบกิจกรรม การจัดหาสถานที่ การจัดหาอาหารและเครื่องดื่ม การจัดหาห้องพัก การจัดเตรียมของชำร่วย รวมถึงการจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เป็นต้น  ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.3 เพื่อตรวจสอบจำนวนผู้เข้าร่วมงานอบรม งานสัมมนา การศึกษาดูงาน กิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ หรือกิจกรรมอื่น ๆ การลงทะเบียนเข้าร่วมงาน การจัดทำทะเบียนและประวัติการร่วมกิจกรรมของผู้เข้าร่วมงาน การดำเนินกิจกรรม รวมถึงแจกของที่ระลึก ของรางวัล (ถ้ามี) ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.4 เพื่อแจ้งรายละเอียดการเข้าร่วมงานอบรม งานสัมมนา การศึกษาดูงาน กิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ หรือกิจกรรมอื่น ๆ เช่น รายชื่อผู้เข้าร่วมกิจกรรม วัน เวลา สถานที่ เป็นต้น ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.5 เพื่อการดำเนินการจัดทำประกันภัยที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดกิจกรรม เช่น การจัดทำประกันการเดินทางแบบกลุ่ม เป็นต้น (ถ้ามี) ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.6 เพื่อการประเมิน วิเคราะห์ และปรับปรุงการจัดงานอบรม งานสัมมนา การศึกษาดูงาน กิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ หรือกิจกรรมอื่น ๆ ของ FPI.  รวมทั้งเพื่อประกอบการขอรับรองมาตรฐานระบบการจัดการ และอาจมีการใช้ภาพถ่ายบรรยากาศการจัดงานเพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการตอบแบบประเมินของหน่วยงานกำกับดูแล หรือการยื่นขอรับรางวัล หรือการประกวดต่าง ๆ เกี่ยวกับการบริหารจัดการองค์กร ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.7 เพื่อการบริหารความเสี่ยง การกำกับดูแลและตรวจสอบการปฏิบัติงาน รวมถึงเพื่อการตรวจสอบภายในของสำนักตรวจสอบภายใน การปิดค่าใช้จ่าย และการบริหารจัดการภายในองค์กร  ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.8 เพื่อการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคาร โรงงาน สถานที่จัดกิจกรรมของ FPI.  ด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV) ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.9 เพื่อเป็นฐานข้อมูลผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ของ FPI.  และ/หรือใช้ข้อมูลเพื่อการบริหารความสัมพันธ์ หรือการติดต่อประสานงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ FPI. ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.10 เพื่อการประชาสัมพันธ์งานอบรม งานสัมมนา การศึกษาดูงาน กิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ หรือกิจกรรมอื่น ๆ  ซึ่ง FPI. ได้จัดให้มีขึ้น (รวมถึงกรณีที่มีการจัดงานในรูปแบบออนไลน์) ผ่านทางช่องทางประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ทั้งภายใน และภายนอก FPI. เช่น ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ หรือเว็บไซต์ของ FPI. หรือผ่านทางหนังสือพิมพ์ หรือโทรทัศน์ เป็นต้น   ทั้งนี้  FPI.. อาจมีการบันทึกภาพ หรือภาพเคลื่อนไหว หรือการถ่ายทอดสด เพื่อการประชาสัมพันธ์การจัดงานนั้น ๆ  

 

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.11 เพื่อจัดทำสื่อให้ผู้เข้าร่วมงานอบรม งานสัมมนา หรือกิจกรรมนั้น ๆ สามารถศึกษาหรือเข้าชมย้อนหลัง หรือเพื่อจัดทำเป็นองค์ความรู้ของ FPI. ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.12 เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ  และเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้อง หรือการใช้สิทธิเรียกร้อง หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อดำเนินกระบวนการทางกฎหมาย รวมไปถึงการรายงานหรือเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ องค์กรอิสระ หน่วยงานกำกับดูแล บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด  ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests) 

1.13 เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข เช่น การป้องกันด้านสุขภาพจากโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดที่อาจติดต่อหรือแพร่เข้ามาในราชอาณาจักร การปฏิบัติตามกฎหมาย

(Legal Obligation)

        ข้อมูลส่วนบุคคลที่ FPI.  เก็บรวบรวมเนื่องจากความจำเป็นในการปฏิบัติตามสัญญาหรือการปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ ที่ใช้บังคับ หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นดังกล่าว FPI.  อาจไม่สามารถพิจารณาคัดเลือกให้ท่านเข้าร่วมงานอบรม งานสัมมนา หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่ FPI. จัดขึ้น หรือไม่สามารถดำเนินการเพื่อการบริหารหรือจัดการสัญญา หรืออำนวยความสะดวกให้กับท่านได้

2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม

        โดยทั่วไปแล้ว FPI. จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยการขอหรือสอบถามข้อมูลเหล่านั้นจากท่านเองโดยตรง  อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี FPI. อาจเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านจากแหล่งอื่น เช่น หน่วยงานราชการ หน่วยงานต้นสังกัดของท่าน หน่วยงานภายนอกซึ่งเป็นเจ้าของหลักสูตรอบรม แหล่งข้อมูลอื่น ๆ ซึ่งเปิดเผยสาธารณะ เช่น ข้อมูลที่สืบค้นได้จากอินเตอร์เน็ต เป็นต้น

        ทั้งนี้ FPI.  อาจดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้

2.1    ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป 

(1) ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตน (Identity Data) เช่น ชื่อ นามสกุล เลขประจำตัวบัตรประชาชน เลขหนังสือเดินทาง วัน เดือน ปีเกิด เพศ อายุ สัญชาติ สถานภาพการสมรส ลายมือชื่อ ภาพถ่าย รหัสพนักงาน (กรณีเป็นพนักงานFPI และบริษัทย่อย.) เป็นต้น

(2) ข้อมูลติดต่อ (Contact Data) เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล Facebook LINE ID เบอร์โทรศัพท์เลขานุการท่าน (หากมี) เป็นต้น

(3) ข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบการดำเนินชีวิตและสังคม (Lifestyle and social circumstance) เช่น งานอดิเรกหรือกิจกรรมที่ชอบ ความสนใจของท่าน 

(4) ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของ FPI. เช่น การลงทะเบียน การบันทึกภาพนิ่ง หรือวิดีโอ หรือภาพเคลื่อนไหวในลักษณะอื่น เป็นต้น

(5) ข้อมูลการศึกษาและการอบรม เช่น ประวัติการศึกษา หลักสูตรที่เข้าอบรม

(6) ข้อมูลการทำงาน เช่น อาชีพ ตำแหน่งหน้าที่การงาน หน่วยงานที่สังกัด ประวัติการทำงาน กลุ่มระดับงาน อายุงาน อายุงานในกลุ่มระดับ

(7) ข้อมูลเกี่ยวกับความคิดเห็น ความคาดหวัง ความพึงพอใจในการเข้าร่วมงานอบรม งานสัมมนา การศึกษาดูงาน กิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ หรือกิจกรรมอื่น ๆ การรับรู้เกี่ยวกับการดำเนินงานของ FPI.

(8) ข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ (กรณีประสงค์ให้ FPI.  จัดเตรียมที่จอดรถให้) เช่น ยี่ห้อรถ เลขทะเบียน ชื่อเจ้าของรถ การติดตั้ง NGV/LPG เป็นต้น

(9) ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ เพื่อการอำนวยความสะดวกตามจำเป็น เช่น ข้อมูลบัตรเครดิต (อาทิ หมายเลขบัตร ประเภทบัตร วันหมดอายุ) เที่ยวบิน ขนาดเสื้อ อาหารหรือเครื่องดื่มที่ทาน เป็นต้น 

(10) ข้อมูลคะแนนและผลการทำแบบทดสอบ  

(11) ข้อมูลการคัดกรองตามมาตรการป้องกันโรคระบาด

2.2  ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน

        ในการจัดงานอบรม งานสัมมนา การศึกษาดูงาน กิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ หรือกิจกรรมอื่น ๆ FPI.  อาจขอให้ท่านให้ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนบางประการ เช่น ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลเกี่ยวกับความพิการ ข้อมูลศาสนา ข้อมูลการแพ้อาหาร เป็นต้น ทั้งนี้ เว้นแต่กฎหมายจะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น FPI.  จะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านก่อนเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนดังกล่าว 

        กรณีสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน เช่น ศาสนา และหมู่โลหิต รวมอยู่ด้วยนั้น โดยทั่วไปแล้ว FPI.  ไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลศาสนาและหมู่โลหิตที่ปรากฏอยู่ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ใดโดยเฉพาะ หากท่านได้มอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ FPI. ขอให้ท่านปกปิดข้อมูลดังกล่าว หากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลข้างต้น ถือว่าท่านอนุญาตให้ FPI.  ดำเนินการปกปิดข้อมูลเหล่านั้น และถือว่าเอกสารที่มีการปกปิดข้อมูลดังกล่าว มีผลสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ตามกฎหมายทุกประการ ทั้งนี้ หาก FPI.  ไม่สามารถปกปิดข้อมูลได้เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคบางประการ FPI.  จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น 

3. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

        FPI.  จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในแบบแจ้งฉบับนี้ หลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ได้แก่ ระยะเวลาที่ FPI.  ยังมีความสัมพันธ์กับท่านในฐานะใดฐานะหนึ่ง เช่น คู่ค้า ลูกค้า ผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานภาครัฐหรือในหน่วยงานกำกับดูแล ผู้ปฏิบัติงานในกลุ่ม FPI.  หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นของ FPI.  เป็นต้น  และหรือระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในองค์กรของ FPI.

4. การเปิดเผยข้อมูล

ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งฉบับนี้ FPI. อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านให้แก่บุคคลภายนอกดังต่อไปนี้

4.1  บริษัทย่อยของ FPI.

4.2  หน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ องค์กรอิสระ หน่วยงานกำกับดูแล หรือหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงเจ้าพนักงานซึ่งใช้อำนาจตามกฎหมาย เช่น ศาล อัยการ ตำรวจ เป็นต้น

4.3  ตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัย และ/หรือ บริษัทประกันภัย

4.4  ตัวแทน ผู้รับจ้าง/ผู้รับจ้างช่วง และ/หรือผู้ให้บริการสำหรับการดำเนินงานใด ๆ ให้แก่ FPI.  เช่น ผู้ให้บริการขนส่ง บริษัทรับจ้างทำกิจกรรมทางการตลาด ผู้รับจ้างผลิตสื่อ ผู้รับจ้างประชาสัมพันธ์  ผู้รับจ้างจัดกิจกรรม ผู้รับจ้างดำเนินการจัดงาน (Organizer) ผู้รับจ้างจัดหาที่พักและการเดินทาง วิทยากร สถาบันฝึกอบรม เป็นต้น

4.5  สถาบันให้การรับรองมาตรฐานระบบการจัดการ

4.6  บุคคลทั่วไป (เฉพาะเพื่อการประชาสัมพันธ์ภาพการจัดงาน หรือการประกาศรายชื่อผู้ชนะการประกวด การเล่นเกมชิงรางวัล) ผ่านทางสื่อออนไลน์และออฟไลน์ ทั้งของ FPI. และภายนอก เช่น what’s new, e-mail PR ภายใน, FB, Line, Twitter, YouTube, website, สื่อมวลชน เช่น หนังสือพิมพ์ และ TV เป็นต้น 

5. การส่งหรือเปิดเผยข้อมูลไปต่างประเทศ

        ในบางกรณี เพื่อประโยชน์หรือความจำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ได้แจ้งไว้ในข้างต้นนั้น   FPI. อาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ ซึ่งอาจมีมาตรฐานในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่แตกต่างไปจากประเทศไทย นอกจากนี้ FPI. อาจมีการเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์ของผู้ให้บริการที่อยู่ต่างประเทศ และอาจมีการประมวลผลข้อมูลโดยใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันสำเร็จรูปของผู้ให้บริการในต่างประเทศ 

        อย่างไรก็ตาม ในการส่งหรือโอนข้อมูลดังกล่าวดังกล่าวไม่ว่ากรณีใด ๆ FPI. จะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

6. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูล

        ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิตามที่กำหนดไว้โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ ท่านสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ของท่านได้ตามช่องทางที่ FPI. กำหนดในข้อ 8. หรือผ่านเว็บไซต์ของ FPI.  โดยจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ เมื่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับกับ FPI. ซึ่งสิทธิต่าง ๆ ของท่านมีรายละเอียด ดังนี้

6.1  สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdraw Consent)

ในกรณีที่ FPI.  ขอความยินยอมจากท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับ FPI. ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน 

ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย 

6.2  สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Access)

ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ FPI.  รวมถึงขอให้ FPI.  เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อ FPI. ได้

6.3  สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล (Data Portability Right)

ท่านมีสิทธิขอให้ FPI. โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับ FPI. ได้ตามที่กฎหมายกำหนด

6.4  สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Object)

ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสำหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด 

6.5  สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล (Erasure Right)

ท่านมีสิทธิขอให้ FPI.  ลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม FPI.  อาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งอาจมีบางระบบที่ไม่สามารถลบข้อมูลได้ ในกรณีเช่นนั้น FPI.  จะจัดให้มีการทำลายหรือทำให้ข้อมูลดังกล่าวกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ 

6.6  สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing)

ท่านมีสิทธิขอให้ FPI.  ระงับการใช้ข้อมูลของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนด

6.7  สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Rectification Right)

กรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลที่ FPI.  มีอยู่นั้นไม่ถูกต้องหรือท่านมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเอง ท่านมีสิทธิขอให้ FPI. แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

6.8  สิทธิในการร้องเรียน (Right to Lodge a Complaint)

ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หาก FPI. ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้

7. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งฉบับนี้

        เราอาจแก้ไขปรับปรุงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นครั้งคราว และเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้น เราจะประกาศให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์ของ FPI.  และ/หรือแจ้งให้ท่านทราบผ่านทางอีเมล ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องขอความยินยอมจากท่านเราจะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านเพิ่มเติมด้วย

8. วิธีการติดต่อ

        ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน การใช้สิทธิของท่าน หรือมีข้อร้องเรียนใด ๆ ท่านสามารถติดต่อ FPI.  ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)

11/22 หมู่ 20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12150

เว็บไซต์ : www.fpiautoparts.com         e-mail: info@fpiautoparts.com

โทรศัพท์ : 02-993-4970-7 

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)

สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 11/22 หมู่20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา ปทุมธานี

ช่องทางการติดต่อ: e-mail    pdpa@fpiautoparts.com 

โทรศัพท์ : 02-993-4970-7  ต่อ 108,297

แบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับผู้สมัครงาน บุคคลในครอบครัวของผู้สมัครงานหรือบุคคลอื่นซึ่งผู้สมัครงานได้ให้ ข้อมูลไว้

บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”)  (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “FPI.” หรือ “เรา”) ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน ตลอดจนบุคคลในครอบครัวของผู้สมัครงานหรือบุคคลอื่นซึ่งผู้สมัครงานให้ข้อมูลไว้กับเรา และเพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่าเราจะให้ความคุ้มครองและปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เราจึงได้กำหนดแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านทราบรายละเอียดการดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะเป็นการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) ซึ่งอาจเกิดขึ้น ตลอดจนแจ้งให้ท่านทราบถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และช่องทางการติดต่อเรา ดังต่อไปนี้  

1. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และกรณีจำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคล

        ในกรณีที่ท่านเป็นผู้สมัครงานของเรา เราจะมีการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยอาศัยฐานทางกฎหมายต่าง ๆ เพื่อวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้ 

ข้อที่ วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
1.1 เพื่อดำเนินการที่จำเป็นในการพิจารณาและคัดเลือกผู้สมัครงาน ซึ่งหมายความรวมถึงขั้นตอนสมัครผ่านช่องทางการสมัครงานออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ของ FPI. การสมัครงานผ่านทาง FPI. โดยตรง หรือผ่านทางผู้ให้บริการจัดหางาน ขั้นตอนการสัมภาษณ์ ขั้นตอนการประเมินคัดเลือก ขั้นตอนการเสนอสัญญาจ้างงานให้แก่ท่าน และกระบวนการบริหารงานบุคคลอื่น ๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาและคัดเลือกเข้าทำงานกับ ปตท. หรือบริษัทในเครือ FPI การปฏิบัติตามสัญญา

(Contractual Basis)

1.2 เพื่อดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติก่อนการจ้างงานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงการตรวจสอบข้อมูลที่จำเป็น และตรวจสอบข้อมูลของท่านจากบุคคลอ้างอิงที่ท่านระบุ หรือ ตรวจสอบประวัติการทำงานก่อนหน้า เพื่อประกอบการตัดสินใจรับเข้าทำงานกับ FPI. และการทำสัญญาจ้างงาน การปฏิบัติตามกฎหมาย

(Legal Obligation)

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.3 เพื่อการตรวจสอบภายในของสำนักตรวจสอบภายในขององค์กร 

 

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.4 เพื่อการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารหรือสถานที่ของ FPI. และการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย รวมถึงการติดต่อขอออกบัตรเพื่อเข้าปฏิบัติงานในสถานที่ของ FPI. การแลกบัตรเข้าออกอาคาร การบันทึกข้อมูลการเข้าออกสถานที่ของ FPI. และการบันทึกภาพภายในอาคารหรือสำนักงาน FPI. หรือสาขาของ FPI. ด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV) ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

        ในบางกรณีเราอาจมีการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลในครอบครัว หรือบุคคลอื่น ซึ่งผู้สมัครงานของเราได้ให้ข้อมูลไว้ ทั้งนี้ FPI. เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลของบุคคลเหล่านั้น โดยอาศัยฐานทางกฎหมายต่าง ๆ เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ 

ข้อที่ วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
1.5 เพื่อการติดต่อสื่อสารในกรณีจำเป็น หรือเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น  ตรวจสอบข้อมูลของผู้สมัครงานจากบุคคลอ้างอิงที่ระบุ หรือ ตรวจสอบประวัติการทำงานของผู้สมัครงาน ก่อนหน้า แจ้งเหตุอันตรายที่เกิดแก่ผู้สมัครงานให้ทราบ เป็นต้น ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interest)

1.6 เพื่อการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารหรือสถานที่ของ FPI. และการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย รวมถึงการติดต่อขอออกบัตรเพื่อเข้าปฏิบัติงานในสถานที่ของ FPI. การแลกบัตรเข้าออกอาคาร การบันทึกข้อมูลการเข้าออกสถานที่ของ FPI.และการบันทึกภาพภายในอาคารหรือสำนักงาน FPI. หรือสาขาของ FPI. ด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV) ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interest)

        FPI. ขอแจ้งให้ท่านทราบว่า การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน บุคคลในครอบครัวของผู้สมัครงาน รวมถึงบุคคลอื่น ซึ่งผู้สมัครงานได้ให้ข้อมูลไว้กับเรานั้น เราอาศัยฐานทางกฎหมายประการต่าง ๆ ตามที่แจ้งไว้นี้ โดยไม่ได้อาศัยความยินยอม แต่อย่างไรก็ตาม อาจมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในบางกรณีที่เราไม่อาจใช้ฐานทางกฎหมายเหล่านี้ได้ เช่น กรณีที่กฎหมายกำหนดให้จะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน (Sensitive data) เป็นต้น ในกรณีเช่นนั้น FPI. จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน (โปรดอ่านเอกสารขอความยินยอมของเราเพิ่มเติมจากเอกสารนี้)  และในกรณีที่ท่านเป็นผู้สมัครงาน และได้ให้ข้อมูลของบุคคลในครอบครัวหรือบุคคลอื่นแก่เรานั้น ท่านจะต้องรับผิดชอบในการแจ้งให้บุคคลเหล่านั้นทราบถึงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ และ/หรือดำเนินการขอความยินยอม (หากจำเป็น)   

        ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลที่ FPI. เก็บรวบรวมข้างต้นเป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อ FPI. ในการปฏิบัติตามสัญญาหรือการปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ ที่ใช้บังคับ หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นดังกล่าว FPI.อาจไม่สามารถทำสัญญาจ้างงานกับท่าน หรือไม่สามารถบริหารจัดการสัญญาตามวัตถุประสงค์ของการจ้างงานได้ หรืออาจมีผลต่อการได้รับสิทธิสวัสดิการ หรือการจัดการอำนวยความสะดวกให้กับท่าน

2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม

        โดยทั่วไปแล้ว FPI.. จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยการขอข้อมูลจากท่านโดยตรง เช่น การให้ท่านกรอกข้อมูลตามแบบฟอร์มที่ FPI. กำหนด หรือสอบถามจากท่าน หรือขอให้ท่านส่งเอกสารที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ FPI. แต่อย่างไรก็ตาม อาจมีบางกรณีที่ FPI. เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากแหล่งอื่นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้น เช่น 

  •   บุคคลอ้างอิงที่ท่านระบุในใบสมัครงาน
  •   มหาวิทยาลัยหรือสถานศึกษาของท่าน
  •   หน่วยงานราชการ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
  •   หน่วยงานหรือองค์กรที่ท่านได้เคยปฏิบัติงาน

        ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ FPI. ดำเนินการเก็บรวบรวมนั้น มีดังต่อไปนี้ 

2.1    ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป 

(1) ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตน (Identity Data) เช่น ชื่อ นามสกุล เลขประจำตัวบัตรประชาชน วัน เดือน ปีเกิด เพศ อายุ สัญชาติ สถานภาพการสมรส ลายมือชื่อ ภาพถ่าย

(2) ข้อมูลติดต่อ (Contact Data) เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล 

(3) ข้อมูลทางการเงิน (Financial Data) เช่น เงินเดือน หมายเลขบัญชีธนาคาร 

(4) ข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ เช่น ประวัติการทำงานและการศึกษารวมถึงหลักฐานที่เกี่ยวข้อง สถานภาพการเกณฑ์ทหาร ข้อมูลบุคคลอ้างอิง สถานภาพการสมรส ประวัติการอบรม ประวัติการฝึกงาน ใบอนุญาตขับขี่

(5) ข้อมูลระบุตัวตนของบุคคลในครอบครัว (บิดา มารดา คู่สมรส) ได้แก่ ชื่อ นามสกุล วัน เดือน ปีเกิด เพศ อายุ อาชีพ เป็นต้น

2.2    ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน

โดยทั่วไปแล้ว FPI. ไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลศาสนาและหมู่โลหิตที่ปรากฏอยู่ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ใดโดยเฉพาะ หากท่านได้มอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ FPI. ขอให้ท่านปกปิดข้อมูลดังกล่าว หากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลข้างต้น ถือว่าท่านอนุญาตให้ FPI. ดำเนินการปกปิดข้อมูลเหล่านั้น และถือว่าเอกสารที่มีการปกปิดข้อมูลดังกล่าว มีผลสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ตามกฎหมายทุกประการ ทั้งนี้ หาก FPI. ไม่สามารถปกปิดข้อมูลได้เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคบางประการ FPI. จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม FPI. มีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมและใช้ ข้อมูลประวัติอาชญากรรมของผู้สมัครงาน เพื่อดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติก่อนการจ้างงานตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่ง FPI. สามารถประมวลผลข้อมูลดังกล่าวได้โดยอาศัยฐานทางกฎหมายที่แจ้งไว้ในข้อ 1. โดยไม่ได้อาศัยความยินยอมของท่าน ทั้งนี้ FPI. จะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานและประโยชน์ของท่าน และจะกระทำการต่าง ๆ ภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายอนุญาตให้กระทำได้โดยเคร่งครัด

        นอกจากนี้หาก FPI. มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนอื่น ๆ เพื่อวัตถุประสงค์ใดโดยเฉพาะ FPI. จะดำเนินการขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านก่อน  ทั้งนี้ FPI. อาจมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน ดังนี้

(1)    ข้อมูลสุขภาพ 

(2)    ข้อมูลเกี่ยวกับความพิการ

3. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

        FPI. จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในหนังสือแจ้งฉบับนี้ อย่างไรก็ดี หาก FPI. ยังไม่ได้พิจารณารับท่านเข้าทำงานตามตำแหน่งงานที่ท่านได้สมัครไว้  FPI.  FPI.จะเก็บข้อมูลดังกล่าวของท่านเป็นเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่สมัครงาน หรือวันที่ปรับปรุงใบสมัครงานครั้งล่าสุด เพื่ออาจนำมาใช้ติดต่อท่านเมื่อมีตำแหน่งงานที่อาจจะเหมาะสมกับท่านในอนาคต

4. การเปิดเผยข้อมูล

        ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งฉบับนี้ FPI. อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านให้แก่บุคคลภายนอกดังต่อไปนี้

        4.1   สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

        4.2   บริษัทย่อย. 

5. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูล

        ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิตามที่กำหนดไว้โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ ท่านสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ของท่านได้ตามช่องทางที่ FPI.กำหนดในข้อ 7. หรือผ่านเว็บไซต์ของ FPI. โดยจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ เมื่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับกับ FPI. ซึ่งสิทธิต่าง ๆ มีรายละเอียด ดังนี้

 5.1    สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdraw Consent)

ในกรณีที่ FPI.. ขอความยินยอมจากท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับ FPI. ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน 

ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย  

5.2    สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Access)

ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ FPI. รวมถึงขอให้ FPI. เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อ FPI. ได้ 

5.3    สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล (Data Portability Right)

ท่านมีสิทธิขอให้ FPI.โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับ FPI. ได้ตามที่กฎหมายกำหนด 

5.4    สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Object)

ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสำหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด 

5.5    สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล (Erasure Right)

ท่านมีสิทธิขอให้ FPI. ลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม FPI. อาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งอาจมีบางระบบที่ไม่สามารถลบข้อมูลได้ ในกรณีเช่นนั้น FPI. จะจัดให้มีการทำลายหรือทำให้ข้อมูลดังกล่าวกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้  

5.6    สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing)

ท่านมีสิทธิขอให้ FPI. ระงับการใช้ข้อมูลของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนด 

5.7    สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Right to Rectification)

กรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลที่ FPI. มีอยู่นั้นไม่ถูกต้องหรือท่านมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเอง ท่านมีสิทธิขอให้ FPI. แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด 

5.8    สิทธิในการร้องเรียน (Right to Lodge a Complaint)

ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หาก FPI. ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้

6. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งฉบับนี้

        เราอาจแก้ไขปรับปรุงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นครั้งคราว และเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้น เราจะประกาศให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์ของ FPI. และ/หรือแจ้งให้ท่านทราบผ่านทางอีเมล ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องขอความยินยอมจากท่านเราจะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านเพิ่มเติมด้วย 

7. วิธีการติดต่อ

        ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน การใช้สิทธิของท่าน หรือมีข้อร้องเรียนใด ๆ ท่านสามารถติดต่อ FPI. ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)

11/22 หมู่ 20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12150

เว็บไซต์ : www.fpiautoparts.com        e-mail: info@fpiautoparts.com

โทรศัพท์ : 02-993-4970-7 

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)

สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 11/22 หมู่20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา ปทุมธานี

ช่องทางการติดต่อ: e-mail    pdpa@fpiautoparts.com 

โทรศัพท์ : 02-993-4970-7  ต่อ 108,297

แบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับผู้สมัครฝึกงาน นักศึกษาฝึกงาน และบุคคลอื่นที่ได้ให้ข้อมูลไว

  บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”)  (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “FPI.” หรือ “เรา”) ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครฝึกงาน นักศึกษาฝึกงาน และบุคคลอื่นที่ผู้สมัครฝึกงาน หรือนักศึกษาฝึกงานได้ให้ข้อมูลไว้ และเพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่าเราจะให้ความคุ้มครองและปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เราจึงได้กำหนดแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านทราบรายละเอียดการดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะเป็นการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) ซึ่งอาจเกิดขึ้น ตลอดจนแจ้งให้ท่านทราบถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และช่องทางการติดต่อเรา ดังต่อไปนี้  

1. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และกรณีจำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคล

        ในกรณีที่ท่านเป็นผู้สมัครฝึกงาน หรือนักศึกษาฝึกงาน ของ FPI. เรามีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

ข้อที่ วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
การสมัครฝึกงาน
1.1 เพื่อดำเนินการที่จำเป็นในการพิจารณาและคัดเลือกผู้สมัครฝึกงาน ซึ่งหมายความรวมถึงขั้นตอนสมัครผ่านช่องทางการสมัครฝึกงานออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ของ FPI.การสมัครฝึกงานผ่านทาง FPI. โดยตรง การพิจารณารับนักศึกษาฝึกงานตามรายชื่อที่ได้รับจากมหาวิทยาลัย วิทยาลัย หรือสถานศึกษา ขั้นตอนการสัมภาษณ์ ขั้นตอนการประเมินคัดเลือก ขั้นตอนการเสนอสัญญาเข้าฝึกงานให้แก่ท่าน และกระบวนการบริหารงานบุคคลอื่น ๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาและคัดเลือกเข้าฝึกงานกับ FPI. การปฏิบัติตามสัญญา

(Contractual Basis)

เมื่อได้รับคัดเลือกเป็นนักศึกษาฝึกงาน
1.2 เพื่อการดำเนินการตามสัญญาระหว่างที่ท่านเข้าฝึกงานกับ FPI. เช่น การจ่ายค่าตอบแทน (ถ้ามี) การลงเวลาเข้า-ออกฝึกงาน การศึกษาดูงาน การอนุญาตเข้าระบบสารสนเทศและฐานข้อมูลที่จำเป็นต่อการฝึกงาน รวมถึงการทำสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น  การปฏิบัติตามสัญญา

(Contractual Basis)

1.3 เพื่อการประเมินผลการฝึกงานของท่าน เช่น การประเมินผลทักษะการเรียนรู้ การประเมินผลทักษะการปฏิบัติงานรายวิชา การให้ข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นต่อนักศึกษาฝึกงานรายบุคคล ตามแบบฟอร์มที่วิทยาลัยกำหนด ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.4 เพื่อเก็บเป็นฐานข้อมูลและใช้ยืนยันประวัติการฝึกงานของท่าน  ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.5 เพื่อการบริหารความเสี่ยง การกำกับการตรวจสอบ รวมถึงการตรวจสอบภายในของสำนักตรวจสอบภายใน และการบริหารจัดการภายในองค์กร  ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.6 เพื่อการติดต่อประสานงานต่าง ๆ ระหว่างการฝึกงาน ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

1.7 เพื่อการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารหรือสถานที่ของ FPI. และการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย รวมถึงการติดต่อขอออกบัตรเพื่อเข้าปฏิบัติงานในสถานที่ของ FPI. การแลกบัตรเข้าออกอาคาร การบันทึกข้อมูลการเข้าออกสถานที่ของ FPI. และการบันทึกภาพภายในอาคารหรือสำนักงาน FPI. ด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV) ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

 

        ในบางกรณีเราอาจมีการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลในครอบครัว หรือบุคคลอื่นอ้างอิง ซึ่งผู้สมัครฝึกงาน และหรือนักศึกษาฝึกงานของเราได้ให้ข้อมูลไว้ ทั้งนี้ FPI. เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลของบุคคลเหล่านั้น โดยอาศัยฐานทางกฎหมายต่าง ๆ เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

 

ข้อที่ วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมาย
1.8 เพื่อการติดต่อสื่อสารในกรณีจำเป็น หรือเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น แจ้งเหตุอันตรายที่เกิดแก่ผู้สมัครฝึกงาน และหรือนักศึกษาฝึกงาน ให้ทราบ เป็นต้น ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(Legitimate Interests)

       FPI.ขอแจ้งให้ท่านทราบว่า การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครฝึกงาน นักศึกษาฝึกงาน และบุคคลอื่นที่ผู้สมัครฝึกงาน หรือนักศึกษาฝึกงานได้ให้ข้อมูลไว้กับเรานั้น เราอาศัยฐานทางกฎหมายประการต่าง ๆ ตามที่แจ้งไว้นี้ โดยไม่ได้อาศัยความยินยอม แต่อย่างไรก็ตาม อาจมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในบางกรณีที่เราไม่อาจใช้ฐานทางกฎหมายเหล่านี้ได้ เช่น กรณีที่กฎหมายกำหนดให้จะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน (Sensitive data) เป็นต้น ในกรณีเช่นนั้น FPI. จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน (โปรดอ่านเอกสารขอความยินยอมของเราเพิ่มเติมจากเอกสารนี้)  และในกรณีที่ท่านเป็นผู้สมัครฝึกงาน หรือนักศึกษาฝึกงาน และได้ให้ข้อมูลของบุคคลในครอบครัวหรือบุคคลอื่นแก่เรานั้น ท่านจะต้องรับผิดชอบในการแจ้งให้บุคคลเหล่านั้นทราบถึงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ และ/หรือดำเนินการขอความยินยอม (หากจำเป็น)  

        ข้อมูลส่วนบุคคลที่ FPI.. เก็บรวบรวมข้างต้นเป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อ FPI. ในการปฏิบัติตามสัญญาหรือการปฏิบัติตามคำขอของท่านก่อนการทำสัญญาฝึกงาน หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นดังกล่าว FPI. อาจไม่สามารถพิจารณาคัดเลือกท่านเข้าทำงานหรือฝึกงานกับ FPI. ได้

2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม

        โดยทั่วไปแล้ว FPI. จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยการขอข้อมูลจากท่านโดยตรง เช่น การให้ท่านกรอกข้อมูลตามแบบฟอร์มที่ FPI. กำหนด หรือสอบถามจากท่าน หรือขอให้ท่านส่งเอกสารที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ FPI. แต่อย่างไรก็ตาม อาจมีบางกรณีที่ FPI.เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากแหล่งอื่นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้น เช่น 

        –    บุคคลอื่นที่ท่านระบุในแบบฟอร์มสมัครฝึกงาน

        –    มหาวิทยาลัยหรือสถานศึกษาของท่าน

        ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ FPI. ดำเนินการเก็บรวบรวมนั้น มีดังต่อไปนี้ 

2.1    ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป 

(1) ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตน (Identity Data) เช่น ชื่อ นามสกุล เลขประจำตัวบัตรประชาชน เลขหนังสือเดินทาง วัน เดือน ปีเกิด เพศ อายุ สัญชาติ ลายมือชื่อ ภาพถ่าย

(2) ข้อมูลติดต่อ (Contact Data) เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล บัญชีไลน์ (LINE ID)

(3) ข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ เช่น ประวัติการศึกษา ผลการศึกษา ผลการสอบวัดระดับภาษาต่าง ๆ ประวัติการฝึกอบรม ประวัติการทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัย รวมถึงหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลบุคคลอ้างอิง บุคคลผู้ที่ติดต่อได้ในยามฉุกเฉิน และสมาชิกในครอบครัว

(4) ประวัติการฝึกงานกับ FPI.

2.2    ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน

        FPI. ไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลศาสนาและหมู่โลหิตที่ปรากฏอยู่ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ใดโดยเฉพาะ ในกรณีที่ท่านได้มอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ FPI. ขอให้ท่านปกปิดข้อมูลดังกล่าว หากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลข้างต้น ถือว่าท่านอนุญาตให้ FPI. ดำเนินการปกปิดข้อมูลเหล่านั้น และถือว่าเอกสารที่มีการปกปิดข้อมูลดังกล่าว มีผลสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ตามกฎหมายทุกประการ ทั้งนี้ หาก FPI. ไม่สามารถปกปิดข้อมูลได้เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคบางประการ FPI. จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น 

        อย่างไรก็ตาม หาก FPI. มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน เพื่อวัตถุประสงค์ใด FPI.จะดำเนินการขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านก่อน ทั้งนี้ FPI.อาจมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน ดังนี้

        (1)    ข้อมูลศาสนา

        (2)    ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ

3. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

        FPI. จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในหนังสือแจ้งฉบับนี้ และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในองค์กรของ FPI.

4. การเปิดเผยข้อมูล

        ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งฉบับนี้ FPI. อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านให้แก่ มหาวิทยาลัยหรือสถานศึกษาของท่าน รวมถึงสถาบันหรือหน่วยงานที่ท่านสมัครงาน

5. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูล

        ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิตามที่กำหนดไว้โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ ท่านสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ของท่านได้ตามช่องทางที่ FPI.กำหนดในข้อ 7. หรือผ่านเว็บไซต์ของ FPI. โดยจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ เมื่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับกับ FPI. ซึ่งสิทธิต่าง ๆ ของท่านมีรายละเอียด ดังนี้

5.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdraw Consent)

ในกรณีที่ FPI. ขอความยินยอมจากท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับ FPI. ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน     

ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย 

5.2 สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Access)

ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ FPI. รวมถึงขอให้ FPI.เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อ FPI. ได้

5.3 สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล (Data Portability Right)

ท่านมีสิทธิขอให้ FPI.โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับ FPI. ได้ตามที่กฎหมายกำหนด

5.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Object)

ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสำหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด 

5.5 สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล (Erasure Right)

ท่านมีสิทธิขอให้ FPI. ลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม FPI.อาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งอาจมีบางระบบไม่สามารถลบข้อมูลได้ ในกรณีเช่นนั้น FPI.จะจัดให้มีการทำลายหรือทำให้ข้อมูลดังกล่าวกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ 

5.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing)

ท่านมีสิทธิขอให้ FPI.ระงับการใช้ข้อมูลของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนด

5.7 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Rectification Right)

กรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลที่ FPI.มีอยู่นั้นไม่ถูกต้องหรือท่านมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเอง ท่านมีสิทธิขอให้ FPI.แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

5.8 สิทธิในการร้องเรียน (Right to Lodge a Complaint)

ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หาก FPI.ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้

6. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งฉบับนี้

        เราอาจแก้ไขปรับปรุงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นครั้งคราว และเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นว่านั้น เราจะประกาศให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์ของ FPI. และ/หรือแจ้งให้ท่านทราบผ่านทางอีเมล ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องขอความยินยอมจากท่านเราจะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านเพิ่มเติมด้วย

7. วิธีการติดต่อ

        ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน การใช้สิทธิของท่าน หรือมีข้อร้องเรียนใด ๆ ท่านสามารถติดต่อ FPI.ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)

11/22 หมู่ 20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12150

เว็บไซต์ : www.fpiautoparts.com        e-mail: info@fpiautoparts.com

โทรศัพท์ : 02-993-4970-7 

 

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)

สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 11/22 หมู่20 ถนนนิมิตใหม่ ตำบลลำลูกกา อำเภอลำลูกกา ปทุมธานี

ช่องทางการติดต่อ: e-mail    pdpa@fpiautoparts.com 

โทรศัพท์ : 02-993-4970-7  ต่อ 108,297

Fortune Parts Industry Public Company Limited (FPI) uses cookies to provide you with a better browsing experience. Detailed information on the use of cookies on this site นโยบายความเป็นส่วนตัว and how you can manage them, ตั้งค่า is provided in our Privacy and Cookies Policy.

Privacy Preferences

You can choose to set cookies by turning on/off each type of cookie according to your needs, except for the necessary cookies.

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • การเก็บข้อมูลการเยี่ยมชมเว็บไซต์

    Google Analytics เป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยให้ผู้ประกอบการ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าที่มีเพื่อนำไปพัฒนาเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

Save